2,000 ผู้ติดตามหายวับในพริบตา หลัง YouTube ลบช่อง Roxom TV อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จุดไฟสงสัย "บิทคอยน์คือเป้าหมายใหม่?" แม้คำอธิบายจากแพลตฟอร์มจะพูดถึง ‘เนื้อหาที่เป็นอันตราย’ แต่เจ้าของช่องยืนยัน "เราแค่พูดความจริง ไม่ได้ชวนใครลงทุน!" ขณะเดียวกันอดีตเคสช่องคริปโตถูกแบนก็โผล่ซ้ำรอย โลกออนไลน์เริ่มตั้งคำถามว่า...นี่คือเซ็นเซอร์หรือแพล็ตฟอร์มจำกัดเสรี
YouTube ลบช่อง Roxom TV แบบสายฟ้าแลบเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ทำเอาแฟนคลับกว่า 2,000 คนหายไปในชั่วข้ามคืน โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว
โดย Roxom TV ซึ่งก่อตั้งเมื่อปลายปี 2567 โดย Borja และ Helena Martel Seward คู่สามีภรรยาและผู้ประกอบการสายคริปโต เป็นช่องที่นำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับข่าว วัฒนธรรม และการศึกษาเกี่ยวกับบิทคอยน์แบบจัดเต็ม แต่อยู่ๆ ก็ถูกลบออกจาก YouTube โดยอ้างว่า “ละเมิดนโยบายเนื้อหาที่เป็นอันตราย”
อเล็กซ์ แม็คเชน ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ของ Roxom TV ยืนยันว่าเนื้อหาล่าสุดของพวกเขาไม่มีอะไรผิดจากที่เคยทำ และสิ่งที่ YouTube อ้างในอีเมลก็ไม่สอดคล้องกับเนื้อหาที่แท้จริง
“นี่มันชัดเจนว่าเป็นการแบนอัตโนมัติจาก เอไอ โรบอท ที่ไม่เข้าใจบริบทของเนื้อหาเราเลย” แม็คเชน กล่าวกับ Cryptonews
แม้ Roxom TV จะยื่นอุทธรณ์ แต่คำตอบจาก YouTube ก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธคำขอและตอบกลับว่า “ยังละเมิดนโยบาย” และจะไม่ถูกกู้คืนอีก
แม็คเชน เชื่อว่าระบบอัลกอริทึมเข้าใจผิด คิดว่าพวกเขากำลังโปรโมตโปรเจกต์คริปโต ทั้งที่จริงแล้วเนื้อหาคือการรายงานข่าวเชิงเสียดสี หรือตีแผ่กลโกงในวงการ
ที่น่าจับตาคือ Roxom TV มักถ่ายทอดสดเนื้อหาเกี่ยวกับการเมืองและบิทคอยน์ซึ่งอาจทำให้ระบบ AI ของ YouTube หวาดระแวงยิ่งขึ้น เพราะคำบางคำอาจไปเข้าข่ายระบบเซ็นเซอร์ที่ยังไม่มีการเรียนรู้ด้าน “อารมณ์มนุษย์”
แม็คเชนเชื่อว่าหาก YouTube ใช้คนจริงตรวจสอบการอุทธรณ์ แทนที่จะโยนให้บอตตัดสินใจล้วนๆ ช่องก็คงไม่ถูกลบแบบนี้
ย้อนรอย YouTube ล้างบาง “คริปโต” รอบก่อน...ชี้รอบนี้อาจแรงกว่าเดิม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ YouTube ลบทิ้งช่องในวงการคริปโต
ในปี 2562 ช่องอย่าง Bad Crypto Podcast, Altcoin Daily, Cointelegraph และ Bankless เคยถูกลบออกจากระบบแบบสายฟ้าแลบ โดยอ้างเหตุผลคล้ายๆ กัน ก่อนจะนำกลับมาให้ใช้งานอีกครั้งหลังเกิดเสียงวิจารณ์กระหึ่ม
แม้ตอนนั้น YouTube ชี้แจงว่าเป็นความผิดพลาดของอัลกอริทึม แต่บทเรียนนี้ดูเหมือนจะไม่ถูกเรียนรู้ เพราะกรณี Roxom TV ชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ซ้ำซ้อนในรูปแบบเดิม โดยเหล่าบรรดาแฟนคลับช่อง Roxom TV และกลุ่มชุมชนคริปโต มองว่าแพล็ตฟอร์มใช้ระบบ AI แบนแบบไร้มนุษยธรรม
เนื้อหา “การเงิน – การพนัน – คริปโต” กลายเป็นของแสลงในสายตาอัลกอริทึม
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา YouTube ออกแถลงการณ์เข้มงวด ห้ามเนื้อหาที่ "โปรโมตเว็บพนัน" หรือ "สัญญาว่าจะได้เงินแน่นอน" โดยเด็ดขาด ซึ่งประเด็นนี้อาจไปทับซ้อนกับภาษาที่ช่องคริปโตใช้ จนถูกพิจารณาว่าเป็นการชักจูงแบบผิดๆ แม้จะไม่ใช่ก็ตาม
นิกกี้ มาร์ติเนซ หัวหน้าฝ่ายเนื้อหาวิดีโอของ Hype เผยว่า อัลกอริทึมของหลายแพลตฟอร์มมีแนวโน้มจะ “กลัวคำพูดบางคำ” โดยเฉพาะพวก “เงินง่าย รายได้แน่นอน กำไรทันที” แม้จะพูดแบบที่ถูกเขียนอยู่ในโค้ดระบบ และถึงแม้จะเป็นคำเสียดสี ก็ยังเสี่ยงโดนแบนอย่างเงียบๆอยู่ดี ตั้งแต่ปิดกันการมองเห็น ไม่แสดงยอดวิว จนถึงขั้นถูกลบช่องออกไป
“บางทีแค่พูดชื่อเหรียญผิดจังหวะ ก็อาจถูกมองว่าเป็นการหลอกลวงได้ทันที” มาร์ติเนซ กล่าว
แพลตฟอร์มรวมศูนย์...เสี่ยงถูก ‘จำกัดเนื้อหา’ มากกว่าที่คิด
ทั้ง TikTok และ YouTube ต่างใช้ระบบอัตโนมัติในการคัดกรองเนื้อหาเป็นหลัก และการที่ระบบเหล่านี้ไม่เข้าใจบริบทของเนื้อหาเกี่ยวกับคริปโต ซึ่งยังไม่มีการควบคุมที่ชัดเจนในหลายประเทศยิ่งทำให้เกิดการตีความผิดซ้ำซาก
มาร์ติเนซเตือนผู้สร้างคอนเทนต์ให้ “หาทางหนีทีไล่” และไม่ฝากชีวิตไว้กับแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง
"คนทำคอนเทนต์ ผู้สร้างคอนเทนต์สายคริปโต อย่าแหกปากตะโกนว่า ‘บิทคอยน์!’ กลางห้องที่มี AI ฟังอยู่ และควรมีช่องทางสำรอง เช่น รายชื่ออีเมล ชุมชนปิด Telegram หรือ Discord เผื่อกรณีที่วันหนึ่งถูกแบนแบบไม่รู้ตัว” เธอกล่าว
นอกจากนี้แม็คเชน ยังฝากคำเตือนถึงผู้สร้างคอนเทนต์ Web3 ให้หันมาใช้โปรโตคอลกระจายศูนย์อย่าง Nostr หรือ Calaxy เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเซ็นเซอร์จากแพลตฟอร์มรวมศูนย์
ขณะเดียวกัน มาร์ติเนซ แนะนำว่า การเลี่ยงคำเสี่ยงและสื่อสารด้วยภาษาที่ “นุ่มนวลกว่าแต่ชัดเจนเท่าเดิม” สุดท้ายเธอสรุปว่า คนที่รอดในวงการนี้ไม่ใช่คนที่พูดดังที่สุด แต่คือคนที่รู้จัก “พูดให้ฟังง่าย เข้าใจได้ และไม่ให้ AI ต้องกังวลหรือเข้าข่ายคลุมเครือในกฏระเบียบของแพล็ตฟอร์ม”