xs
xsm
sm
md
lg

"เจมี ไดมอน" กลับลำ! เปิดทางลูกค้า JPMorgan ซื้อบิทคอยน์แม้ตัวเองยังด่าไม่เลิก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจมี ไดมอน ซีอีโอของ JPMorgan ธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลก
เจมี ไดมอน ซีอีโอ JPMorgan เปลี่ยนท่าทีต่อบิทคอยน์เปิดทางให้ลูกค้าเข้าถึง ETF สกุลเงินดิจิทัล แต่ยังย้ำชัด “ธนาคารไม่แตะ ไม่เก็บ ไม่รัก”

เจมี ไดมอน ซีอีโอคนดังของ JPMorgan ธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลก กลับลำคำพูดเดิมแบบเผ็ดร้อน ประกาศกลางเวทีวันนักลงทุนว่า "เราจะให้ลูกค้าซื้อบิทคอยน์ได้" แต่รีบเบรกทันควันว่า “เราจะไม่ควบคุมมัน” พร้อมเปรียบเปรยดุเด็ด “เหมือนคุณสูบบุหรี่ ผมไม่เห็นด้วย แต่ผมเคารพสิทธิ์ของคุณที่จะสูบ”

คำพูดนี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงทางยุทธศาสตร์ของ JPMorgan ซึ่งเริ่มเปิดทางให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ Bitcoin อย่าง ETF (Exchange-Traded Fund) แม้ธนาคารจะยังไม่ยอมถือครองคริปโตโดยตรง

CNBC รายงานว่า ณ ตอนนี้ JPMorgan จะยังจำกัดการเข้าถึงคริปโตไว้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้สัญญาฟิวเจอร์สเท่านั้น แต่ก็เริ่มเคลื่อนไหวไปในทางเดียวกับ Morgan Stanley คู่แข่งที่เปิดประตูให้ลูกค้าเข้าถึง Bitcoin ETF แล้วเช่นกัน

โดยตั้งแต่การเปิดตัว ETF Bitcoin ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมกราคม 2024 จนถึงปัจจุบัน มีเงินไหลเข้าสินทรัพย์ดิจิทัลนี้รวมแล้วกว่า 42,000 ล้านดอลลาร์ สะท้อนความนิยมที่พุ่งทะลุเพดาน

จาก “กลลวง” สู่ “สินค้าที่ลูกค้าควรซื้อได้” ทำให้นักลงทุนสงสัยว่าการแสดงท่าทีของ เจมีไดมอน นั้นเปลี่ยนไปจริง ๆ หรือเปล่า?

ความเคลื่อนไหวของเจมี ไดมอน สร้างแรงสั่นสะเทือนไม่น้อย เพราะเจ้าตัวเคยเป็นหนึ่งในคนที่ต่อต้านบิทคอยน์อย่างดุเดือดมาตลอดหลายปี

ย้อนกลับไปในปี 2561 เขาเคยบอกว่าบิทคอยน์คือ "กลลวงที่ไร้ค่า" และในปี 2564 ที่คริปโตพุ่งแรง เขาย้ำหนักแน่นว่า “ผมจะไม่มีวันซื้อ และผมไม่คิดว่าคุณควรซื้อ”

ไม่เพียงแค่นั้น ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการธนาคารวุฒิสภาสหรัฐฯ ปี 2566 เขาโจมตีคริปโตตรงๆ ว่า “ใช้ในวงการอาชญากรรม การฟอกเงิน การค้าประเวณี และการเลี่ยงภาษี” และจบด้วยประโยคสั่นประสาทว่า “ถ้าผมเป็นรัฐบาล ผมจะสั่งปิดมัน”

และเมื่อต้นปี 2567 ที่ดาวอส เขาก็เพิ่งพูดเหน็บแนมบิทคอยน์อีกระลอกว่า “ไม่ทำอะไรเลย มันก็แค่ก้อนหิน

อย่างไรก็ดี วันนี้บิทคอยน์กลับกลายเป็นสิ่งที่ลูกค้าของ JPMorgan จะสามารถ “ใส่ไว้พอร์ตการลงทุน และระบุเป็นสินทรัพย์ในใบแจ้งหนี้” ได้จริงๆ

แม้ยังไม่ถึงขั้นเก็บคริปโตไว้ให้ลูกค้าเหมือนบริษัทเทคฯ เจ้าใหญ่ แต่ท่าทีล่าสุดของไดมอน คือสัญญาณชัดว่า แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็เลี่ยงกระแสความต้องการของตลาดไม่ได้อีกต่อไป