มีข้อเรียกร้องมายาวนานแล้ว ขอให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตรวจสอบการซื้อขายหุ้นใหม่อย่างเข็มงวด โดยเฉพาะวันแรกๆที่เข้ามาซื้อขาย ซึ่งราคาหุ้นมักพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง และเชื่อว่ามีกลุ่มคนอยู่เบื้องหลังการสร้างราคา ลากนักลงทุนรายย่อยขึ้นไปเชือด
แต่ไม่เคยมีหุ้นน้องใหม่ตัวใดที่ถูกดำเนินคดี ในความผิดฐานปั่นราคาหุ้น แม้ราคาในวันแรกๆจะเคลื่อนไหวอย่างร้อนแรง โดยหุ้นใหม่บางตัวถูกลากขึ้นไปชนเพดานสูงสุด 200% ก่อนถูกทุบลงติดพื้น 30% ในวันต่อมา หรือระหว่างชั่วโมงซื้อขายวันแรก ราคาถูกลากขึ้นไปกว่า 100% เมื่อเทียบกับราคาจอง แต่ปิดการซื้อขายราคากลับต่ำกว่าจอง
นักลงทุนทั้งตลาดหุ้นรู้กันดีว่า หุ้นใหม่แต่ละตัวมักมีเจ้ามือ หรือกลุ่มนักลงทุนขาใหญ่อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะนักลงทุนขาใหญ่ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นจำนวนมาก เข้ามาปั่นราคาหุ้นใหม่ ลากราคาหุ้นขึ้นไปสูง เมื่อนักลงทุนรายย่อยตามแห่เข้าไปเก็งกำไร จะเทขายหุ้นออก จนคราคาปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว
นักลงทุนที่ขายหุ้นออกไม่ทัน ต้องแบกรับการขาดทุนอย่างหนักและติดหุ้นต้นทุนสูงยาวนาน แต่เจ้ามือหรือแก๊งขาใหญ่ เทขายหุ้นทำกำไรออกไปแล้ว และหลุดรอดลอยนวลจากการปั่นราคาหุ้นมาโดยตลอด
เจ้ามือหุ้นใหม่ มักปิดปากสื่อ โดยใช้เงินฟาดหัว ใช้งบโฆษณาให้สื่อสำนักละหลายแสนบาท เพื่อเชียร์หุ้นและงดการวิพากษ์วิจารณ์ พฤติกรรมราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติในวันแรก ๆ ที่หุ้นเข้าซื้อขาย
หุ้นใหม่ๆเน่า ๆ หุ้นใหม่ที่สร้างความเสียหายให้นักลงทุน จึงไม่ถูกสื่อวิพากษ์วิจารณ์โจมตี เว้นแต่หุ้นใหม่ที่ไม่ยอมจัดงบจ่ายเงินปิดปากสื่อเท่านั้นที่จะถูกสื่อหุ้นบางสำนักหาเรื่องด่าแหลกอย่างไร้เหตุผล
อย่างไรก็ตาม คดีประวัติศาสตร์ หรือคดีตัวอย่าง ซึ่งนำร่องไปสู่การกวาดจับหุ้นใหม่ที่เปิดปฏิบัติการปั่นตั้งแต่วันแรกที่เข้าซื้อขายได้เกิดขึ้นแล้ว โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ประกาศ การใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งผู้กระทำความผิด 3 ราย กรณีสร้างราคาหรือปริมาณหุ้น บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด (มหาชน) หรือ READY โดยเรียกให้ชำระเงินรวม 233,113,379 บาท
ก.ล.ต. ตรวจสอบพบว่า ผู้กระทำความผิด 3 ราย ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างกัน ประกอบด้วยนายทวีรัช ปรุงพัฒนสกุล นางสาวปาจรีย์ สมรรถกิจบริหาร และนางสาวพิชญาดา ศิริธง ร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณหลักทรัพย์ โดยส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
ผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย มีพฤติกรรมที่ส่งผลทำให้สภาพการซื้อขายหุ้น READY ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขาย ในลักษณะสร้างราคาหลักทรัพย์ โดยแบ่งหน้าที่กันทำ และมีพฤติกรรมการซื้อขายสอดคล้องกัน
การที่กลุ่มผู้กระทำความผิด มีพฤติกรรมทำราคาเปิด โดยซื้อผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น และกวาด offer ครั้งละหลายช่วงราคา พร้อมทั้งเสริม bid อย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ราคาหุ้น READY ปรับตัวขึ้น และนักลงทุนรายอื่นสนใจเข้ามาซื้อขายตาม เพื่อที่กลุ่มผู้กระทำความผิดจะได้ขายหุ้นทำกำไรจากหุ้น READY ที่ได้รับการจัดสรรและหุ้นที่ซื้อเพิ่มในวันเกิดเหตุ
นอกเหนือจากสั่งชำระค่าปรับจำนวน 233 ล้านบาทแล้ว ก.ล.ต.ยังสั่งห้ามผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย ซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นเวลารายละ 8.5 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลารายละ 17 เดือน
แก๊งปั่นหุ้นทั้ง 3 ราย อยู่ในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับต้น ๆ ของ READY ซึ่งหุ้นเข้าซื้อขายในตลาด MAI วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 หลังจากนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกในราคาหุ้นละ 7.30 บาท จากราคาพาร์ 50 สตางค์
ราคาหุ้น READY ปิดเมื่อสิ้นปี 2566 ที่ 10.42บาท และปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมาลงมาปิดที่ 4.20 บาท
การใช้มาตรการทางแพ่ง ลงโทษปรับแก๊งปั่นหุ้น READYจำนวนรวม 233 ล้านบาท อาจไม่มาก เมื่อเทียบกับการปรับแก๊งปั่นหุ้นอีกหลายตัว แต่ความน่าสนใจในคดีปั่นหุ้น READYอยู่ที่ การเป็นคดีแรกที่ตลาดหลักทรัพย์และ ก.ล.ต. จับแก๊งปั่นหุ้นใหม่ได้คาหนังคาเขา ทันทีที่ลงมือปฏิบัติการปั่นหุ้นในวันแรกที่หุ้นเข้าซื้อขาย ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เสียงเรียกร้องของนักลงทุนที่ได้รับความเสียหาย จากหุ้นใหม่เน่าๆที่ปั่นราคากันตั้งแต่วันแรกที่ประเดิมเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น ได้รับการตอบสนองแล้ว
และเมื่อมีคดีแรก จะต้องมีคดีต่อไป เจ้ามือหุ้นหรือขาใหญ่หุ้นที่วางแผนปั่นหุ้นใหม่ จึงพึงระวังตัวไว้ ถ้าไม่เลิกนิสัยเสีย ลากรายย่อยไปเชือด ถูกฟันแน่
เพราะก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ รู้ช่องทางลากคอแก๊งปั่นหุ้นใหม่แล้ว
