บิทคอยน์แม้จะถูกวิจารณ์ว่าไร้เสถียรภาพ แต่กลับยืนหนึ่งในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่โลกกำลังหันมาจับตา ความขาดแคลน การกระจายอำนาจ และความสะดวกในการพกพาสูง กลายเป็นอาวุธลับที่นักลงทุนทั่วโลกไม่อาจมองข้าม ขณะที่รัฐบาลบางประเทศเริ่มพิจารณาใส่บิทคอยน์ลงในคลังสมบัติชาติ
ในขณะที่ทองคำยังคงเป็นเครื่องหมายแห่งความมั่นคงในสายตานักลงทุนรุ่นเก่าบิทคอยน์ (Bitcoin) กำลังท้าทายบทบาทนั้นอย่างเงียบ ๆ แต่เฉียบคม ด้วยคุณสมบัติที่เป็นมากกว่า "ทองคำดิจิทัล" อย่างที่ถูกตั้งข้อสงสัย
Jupiter Zheng หุ้นส่วนจาก Liquid Fund แห่ง HashKey Capital ออกโรงสนับสนุนว่า บิทคอยน์คืออาวุธชั้นดีในการป้องกันภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะในยุคที่ความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจและการเมืองทั่วโลกกำลังถดถอย “มันไม่ใช่แค่การเก็บมูลค่า แต่มันคืออิสรภาพทางการเงินที่ไม่มีพรมแดน” เขากล่าว
แม้ราคาจะขึ้นๆ ลงๆ และโดนถล่มเละทุกครั้งที่ตลาดผันผวน แต่นักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยมองเห็นแนวโน้มระยะยาวที่แข็งแกร่งของบิตคอยน์ ความขาดแคลนที่จำกัดไว้เพียง 21 ล้านเหรียญ บวกกับโครงสร้างแบบกระจายศูนย์ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลหรือธนาคารกลางใด ๆ ทำให้บิตคอยน์คือระบบการเงินที่ "ไม่อาจควบคุมได้"
นักวิจารณ์มักจะหยิบราคาที่ผันผวนมาโจมตี แต่ลืมมองภาพใหญ่ว่า บิทคอยน์ไม่เคยถูกออกแบบมาเพื่อพุ่งในทันที มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออดทนในคลื่นพายุทางเศรษฐกิจ เป็นเสมือนกรอบเหล็กในช่วงเวลาที่การเงินแบบดั้งเดิมเริ่มร้าวราน
ตัวอย่างมีให้เห็นชัดในเวเนซุเอลา ซิมบับเว หรือแม้แต่กรีซ เมื่อเงินเฟ้อพุ่งสูงจนค่าเงินท้องถิ่นแทบไร้ค่า ประชาชนหันมาใช้บิทคอยน์เป็นเครื่องมือเอาตัวรอด ทั้งซื้ออาหาร โอนเงิน หรือหนีข้อจำกัดของรัฐบาล
ความสามารถในการ "อยู่นอกเหนือระบบ" ได้ทุกเมื่อ คือพลังของบิทคอยน์ ไม่ต้องพึ่งพาธนาคาร ไม่ต้องรออนุมัติจากรัฐ ไม่มีวันปิดทำการ ไม่มีขอบเขตประเทศ ไม่ตกเป็นเหยื่อของความล้มเหลวของระบบกลาง เหมือนในกรณี Lehman Brothers หรือ Silicon Valley Bank ที่ผู้ถือเงินต้องรอเป็นปี กว่าจะได้คืน
นอกจากนี้ Bitcoin ไม่ใช่แค่เครื่องมือเก็งกำไร หากแต่มันคือแนวคิดใหม่ของอำนาจทางการเงิน ที่อยู่ในมือประชาชน ไม่ใช่ชนชั้นนำหรือรัฐบาล
ในช่วงธนาคาร Silicon Valley ล่มสลายเมื่อมีนาคม 2565 บิทคอยน์กลับพุ่งขึ้นกว่า 23% สวนทางกับความกลัวในตลาด นั่นคือคำตอบที่เถียงไม่ได้ — เมื่อระบบล่ม ผู้คนต้องการที่พึ่งที่ไม่สามารถถูก "ปิดสวิตช์" ได้
หลายคนเสนอให้ใช้คำว่า “การป้องกันความเสี่ยงโดยการเก็งกำไร” เพื่อสะท้อนความจริงว่า บิทคอยน์อาจไม่ได้เสถียรเหมือนทองคำ แต่ให้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ในสถานการณ์ที่ระบบพังพินาศ มันไม่ใช่เครื่องมือสำหรับคนขลาด แต่มันคือเข็มทิศสำหรับผู้ที่มองเห็นอนาคต
ถึงแม้ยังมีอุปสรรค ทั้งความผันผวน การเข้าถึง หรือความรู้ด้านเทคโนโลยีที่จำเป็น แต่บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Strategy, Block, GameStop และ MassMutual ต่างเริ่มเติม Bitcoin ลงในงบดุลแล้ว และมีการคาดการณ์ว่า หนึ่งในสี่ของบริษัทใน S&P 500 จะทำแบบเดียวกันภายในปี 2573
ยิ่งกว่านั้น รัฐบาลบางประเทศเริ่มสำรวจแนวทางเก็บสำรอง Bitcoin เป็นทรัพย์สินระดับชาติ เพราะในโลกที่เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุดและภูมิรัฐศาสตร์ร้อนระอุ บิทคอยน์อาจไม่ใช่ทางเลือก แต่มันอาจเป็นทางรอด
"บิทคอยน์อาจไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกอย่าง แต่มันคือเรือชูชีพที่พร้อมเป็นทางเลือกให้คว้าไว้ เมื่อเรือใหญ่เริ่มเอียงและสัญญาณเตือนดังขึ้นในทุกทวีป โลกอาจยังไม่พร้อมจะยอมรับมันเต็มที่...แต่คุณพร้อมหรือยัง?" Jupiter Zheng กล่าวทิ้งท้าย