Standard Chartered เดินเกมรุกในวงการคริปโตอีกระลอก ผนึกกำลังกับโบรกเกอร์ยักษ์ใหญ่ FalconX เสริมทัพบริการธนาคารดิจิทัลแบบจัดเต็ม หวังครองใจนักลงทุนสถาบันทั่วโลก พร้อมขยับเกมสู่ยุทธศาสตร์ระยะยาวที่ลึกและกว้างกว่าแค่การธนาคาร ชี้ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลยังโตไม่หยุด โดยธนาคารระดับโลกเตรียมมีบทบาทใหญ่กว่าที่เคยในครึ่งปีหลัง 2568
ธนาคารระดับโลกอย่าง Standard Chartered ปักหมุดขยายอิทธิพลในโลกคริปโตเต็มรูปแบบ ล่าสุดจับมือกับโบรกเกอร์ยักษ์ FalconX เดินหน้าสร้างระบบนิเวศการธนาคารสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล รองรับความต้องการที่พุ่งสูงจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลก
ภายใต้ความร่วมมือที่เพิ่งประกาศเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา Standard Chartered จะให้บริการธนาคารระดับโลกแก่ลูกค้าของ FalconX ทั้งในแง่โครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน การชำระเงิน และการเข้าถึงคู่สกุลเงินที่หลากหลาย พร้อมวางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดคริปโต
ข้อตกลงนี้ไม่ได้จำกัดแค่การให้บริการธนาคารแบบเดิม ๆ แต่ยังมุ่งพัฒนาโซลูชันทางการเงินในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้จัดการสินทรัพย์, กองทุนป้องกันความเสี่ยง, ผู้จัดจำหน่ายโทเคน หรือแม้แต่แพลตฟอร์มการชำระเงินรายใหญ่ โดย แมต ลอง ผู้บริหารระดับสูงของ FalconX ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลาง ชี้ว่า Standard Chartered เป็นหนึ่งในธนาคารที่ “ก้าวล้ำที่สุด” ในการยอมรับและผลักดันสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่กระแสหลัก
“เราสนับสนุนการเทรดและการจัดหาเงินทุนให้กับสถาบันที่ใหญ่ที่สุดในโลก การจับมือกับ Standard Chartered จะยิ่งช่วยยกระดับความสามารถในการให้บริการลูกค้าอย่างเหนือชั้น” ลอง ระบุ
ด้าน ลูค โบแลนด์ หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีการเงินของธนาคารในเอเชียใต้ ย้ำว่า ความร่วมมือกับ FalconX ตอกย้ำความมุ่งมั่นของธนาคารที่ต้องการเป็นหัวหอกในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ความต้องการจากสถาบันยังคงขยายตัวไม่หยุด
“เราภูมิใจที่ได้เป็นผู้สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานให้กับบริษัทอย่าง FalconX ที่สามารถมอบบริการซื้อขายและการเงินระดับโลกให้แก่นักลงทุนสถาบัน” Boland กล่าว
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Standard Chartered ก้าวเข้ามาในสนามคริปโต โดยย้อนกลับไปในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ธนาคารได้จับมือกับ OKX เพื่อทดลองใช้คริปโตและโทเคนเป็นหลักประกันสำหรับลูกค้าสถาบัน
ขณะเดียวกันหากมองย้อนไปไกลกว่านั้น ธนาคารแห่งนี้เริ่มลงทุนเชิงกลยุทธ์ในโลกคริปโตตั้งแต่ปี 2560 กับ Ripple บริษัทผู้อยู่เบื้องหลังเหรียญ XRP ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ระยะยาวที่ไม่เคยเปลี่ยน
ทั้งนี้การเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์จากผู้บริหารในแวดวงสินทรัพย์ดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น Messari หรือ Sygnum Bank ที่มองว่าธนาคารยักษ์ทั่วโลกกำลังจะก้าวเข้ามาเป็นแรงผลักดันสำคัญของตลาดบิทคอยน์ และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ในครึ่งหลังของปี 2568 ท่ามกลางกระแสกฎหมายที่เอื้ออำนวยมากขึ้นในหลายประเทศ