xs
xsm
sm
md
lg

คอยน์เบสขอเป็นที่1แอปบริการการเงินโลก เล็งดันUSDCขึ้นแท่นสเตเบิลคอยน์ยอดนิยม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


คอยน์เบสปักธงขึ้นเป็นแอปบริการทางการเงินเบอร์ 1 ของโลกภายใน 5-10 ปี
ไบรอัน อาร์มสตรอง ชี้คริปโตกำลังกลืนกินบริการทางการเงิน ประกาศดันคอยน์เบสเป็นแอปบริการทางการเงินอันดับ 1 ของโลกภายใน 5-10 ปี และทำให้ USDC เป็นสเตเบิลคอยน์ยอดนิยมแทนที่ USDT

อาร์มสตรอง ซีอีโอคอยน์เบส ชี้แจงระหว่างวิดีโอคอลล์กับนักวิเคราะห์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วและถูกตั้งคำถามว่า คอยน์เบสมีแผนเข้าสู่ธุรกิจการเงินดั้งเดิมหรือไม่นั้น ว่าแทนที่จะมองย้อนกลับไป เขาต้องการมองไปข้างหน้าและกระโจนเข้าหาโอกาสที่รออยู่

เขาแจงว่า ตอนนี้โฟกัสหลักของคอยน์เบสคือการเทรดและการชำระเงินสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ครอบคลุมลูกค้ารายย่อย ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก ลูกค้าประเภทสถาบัน และนักพัฒนา และภายใน 5-10 ปี เป้าหมายของคอยน์เบสจะอยู่ที่การเป็นแอปบริการทางการเงินอันดับ 1 และบริษัทคริปโตเบอร์ 1 ของโลก เนื่องจากเขาเชื่อว่า คริปโตกำลังกลืนกินบริการทางการเงิน

อาร์มสตรองสำทับว่า สินทรัพย์ทั้งหมด ทั้งกองทุนรวมตลาดเงิน อสังหาริมทรัพย์ หลักทรัพย์ ตราสารหนี้ จะทำธุรกรรมบนเครือข่ายบล็อกเชน

ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือน อาร์มสตรองเคยโพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า คริปโตกำลังกลืนกินบริการทางการเงินส่วนใหญ่ และคอยน์เบสคือบริษัทที่โฟกัสคริปโต 100%

ความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่คอยน์เบสเปิดตัวผลิตภัณฑ์การกู้ยืมใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกู้เงิน USDC และผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ค้ำประกันด้วยบิตคอยน์

แม้บริการสินเชื่อที่ค้ำประกันด้วยคริปโตเติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งตอกย้ำแนวโน้มการเงินแบบกระจายศูนย์ แต่บางคนกลับมองว่า แพลตฟอร์มเหล่านี้ยังเผชิญความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและความเสี่ยงเชิงระบบ ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนแย้งว่า โมเดลบล็อกเชนนำเสนอการเปลี่ยนผ่านที่อาจช่วยให้ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงสินเชื่อ

ปัจจุบัน คอยน์เบสดำเนินงานในฐานะแพลตฟอร์มเทรดคริปโตเป็นหลัก กระนั้น ในช่วงหลายปีมานี้ บริษัทได้เพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ที่มุ่งเน้นคริปโตที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเทรดสำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าประเภทสถาบัน ซึ่งรวมถึงการชำระเงินและการแจกรางวัลด้วยสเตเบิลคอยน์ สเตคกิงและการรับฝากคริปโตสำหรับลูกค้าประเภทสถาบัน ซึ่งมีอยู่กว่า 200 แห่ง อาทิ แบล็กร็อก สตริป และเพย์พาล

สัปดาห์ที่แล้ว สำนักงานควบคุมเงินตรา (OCC) อนุญาตให้ธนาคารของอเมริกาซื้อขายและรับฝากสินทรัพย์คริปโต นับเป็นหน่วยงานล่าสุดที่ผ่อนคลายกฎสำหรับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยอีก 2 แห่งคือธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และบรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลสหรัฐฯ (FDIC) จากเมื่อสองปีที่แล้วที่สถาบันทั้งสามแห่งเหล่านี้ยังคงตั้งแง่เกี่ยวกับการอนุญาตให้ธนาคารร่วมมือกับบริษัทคริปโตหรือเสนอบริการคริปโต

ขณะเดียวกัน การที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผ่อนคลายกฎระเบียบควบคุมคริปโต และคองเกรสส์มีแนวโน้มผ่านกฎหมายสเตเบิลคอยน์ปลายปีนี้ ส่งผลให้สถาบันการเงินดั้งเดิมแสดงความสนใจขยายธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตมากขึ้น เช่น เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไบรอัน มอยนาแฮน ซีอีโอแบงก์ ออฟ อเมริกา เผยว่า ธนาคารอาจออกสเตเบิลคอยน์ หากกฎหมายอนุญาต

ซีอีโอคอยน์เบสเชื่อว่า กฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นจะสนับสนุนให้คริปโตอัพเดตโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินทั่วโลก

อาร์มสตรองมองว่า ณ จุดหนึ่ง แบงก์ใหญ่ทุกแห่งจะผสานรวมเข้ากับคริปโต เนื่องจากคริปโตเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยอัพเดตระบบการเงิน และคอยน์เบสสามารถให้การสนับสนุนแบงก์เหล่านั้นได้ เช่น บางแห่งอาจต้องการโซลูชันการรับฝากคริปโต ขณะที่แบงก์อื่นๆ สนใจออกสเตเบิลคอยน์ แต่สิ่งสำคัญคือความสามารถในการทำงานร่วมกันได้กับระบบของสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อรองรับการชำระเงินและธุรกรรมทั้งหมด

สเตเบิลคอยน์กลายเป็นตัวขับเคลื่อนรายได้อันดับสองของคอยน์เบสรองจากการเทรด โดยรายได้ที่เกี่ยวข้องกับสเตเบิลคอยน์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 50% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อนหน้า

คอยน์เบสยังเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสเตเบิลคอยน์ยอดนิยม USDC และทำข้อตกลงแบ่งปันรายได้ 50-50 กับเซอร์เคิลซึ่งเป็นผู้ออกสเตเบิลคอยน์สกุลนี้ อีกทั้งมีรายได้ 100% เต็มจากผลิตภัณฑ์ USDC บนแพลตฟอร์มคอยน์เบส

อาร์มสตรองเสริมว่า คอยน์เบสยังมีเป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่งในการทำให้ USDC แซง USDT ของเทเธอร์ ขึ้นเป็นสเตเบิลคอยน์อันดับ 1 ของโลก
กำลังโหลดความคิดเห็น