บริษัท ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) (SCG)เป็นระดับ “A-” จากเดิมที่ระดับ “A” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังปรับอันดับเครดิตเฉพาะองค์กร (Stand-alone Credit Profile -- SACP) ของบริษัทลงเป็นระดับ “bbb+” จากเดิมที่ระดับ “a-” ด้วย
ทั้งนี้ การลดอันดับเครดิตในครั้งนี้สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ซึ่งเคยกำหนดไว้ที่ 6 เท่า โดยระดับหนี้สินที่สูงขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากแนวโน้มที่บริษัทจะลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการและปริมาณความต้องการการใช้ไฟฟ้าของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวล่าช้ากว่าคาด
อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังคงประเมินให้บริษัทมีสถานะเป็น “บริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระดับปานกลาง” (Strategic Subsidiary) ของ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH อันดับเครดิต “AA+/Stable”) ซึ่งสถานะดังกล่าวช่วยเสริมอันดับเครดิตของบริษัทให้เพิ่มขึ้น 1 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะองค์กรของบริษัท
ทั้งนี้ อันดับเครดิตเฉพาะองค์กรของบริษัทยังคงสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่มั่นคงของบริษัทซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับคู่สัญญาหลักที่มีความน่าเชื่อถือ ได้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) (อันดับเครดิต “AAA/Stable”) และบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (SPI อันดับเครดิต “AA-/Stable”) นอกจากนี้ อันดับเครดิตเฉพาะองค์กรดังกล่าวยังสะท้อนถึงการเริ่มดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมแห่งใหม่ภายใต้โครงการ SPP Replacement ในเดือนเมษายน 2567 ที่เป็นไปอย่างราบรื่นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตเฉพาะองค์กรก็มีข้อจำกัดจากการมีกำลังการผลิตส่วนเกินที่ไม่ได้ใช้งานและความท้าทายในการเพิ่มปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม อีกทั้งยังสะท้อนถึงแนวโน้มที่ระดับหนี้สินของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นจากแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในกลุ่มโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่อีกด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานที่สอดคล้องกับประมาณการของทริสเรทติ้ง นอกจากนี้ บริษัทจะสามารถบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนสำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่เพื่อที่จะรักษาอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ให้คงอยู่ในระดับต่ำกว่า 10 เท่าเอาไว้ได้ตลอดช่วงระยะเวลาการลงทุน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับอันดับเครดิตของบริษัทขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตเฉพาะองค์กรของบริษัท ระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อ RATCH หรือสถานะเครดิตของ RATCH
ทริสเรทติ้งคาดว่าไม่น่าจะมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตเฉพาะองค์กรของบริษัทในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งอาจพิจารณาปรับเพิ่มอันดับเครดิตได้หากบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าการคาดการณ์ของทริสเรทติ้ง ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจเกิดจากการมีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมที่สูงกว่าคาด การบริหารหนี้อย่างรอบคอบ หรือทั้งสองปัจจัยรวมกัน
ในทางกลับกัน อันดับเครดิตเฉพาะองค์กรของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากบริษัทระดมทุนด้วยการการก่อหนี้ที่มากกว่าคาดสำหรับการลงทุนใหม่ ๆ เช่น การไม่ใช้แหล่งทุนจากภายนอกในรูปของเงินทุนจากผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ การปรับลดอันดับเครดิตเฉพาะองค์กรยังอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของโครงการ เช่น การใช้จ่ายเกินงบประมาณอย่างมีนัยสำคัญหรือความล่าช้าในการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ ในขณะที่ผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดอย่างมีสาระสำคัญอันเกิดจากแรงกดดันต่อ Spark Spread หรือการเติบโตของอุปสงค์ในการใช้ไฟฟ้าจากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ต่ำกว่าคาดก็อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิตเฉพาะองค์กรของบริษัทได้ด้วยเช่นกัน
บริษัท ราชพัฒนา เอ็นเนอร์ยี จำกัด (มหาชน) (SCG) อันดับเครดิตองค์กร:A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
SCG259A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 : A-
SCG299A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 550 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 : A-
SCG329A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 : A- แนวโน้มอันดับเครดิต:stable