ในขณะที่กระแสคาดการณ์ราคาทองคำอาจพุ่งแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์เริ่มร้อนแรงขึ้น นักวิเคราะห์ตลาดคริปโตบางรายก็จับตามอง บิทคอยน์ว่าอาจมีโอกาสวิ่งตามไปแตะ 155,000 ดอลลาร์ หรือมากกว่านั้น หากปัจจัยสนับสนุนหลายอย่างสอดคล้องกัน คล้ายกับที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเมื่อทองคำและบิทคอยน์พุ่งแรงพร้อมกัน
นักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนชื่อดังอย่างเอ็ด เยอร์เดนี่ และจอร์น เพอร์สัน ก็เคยแสดงมุมมองว่าราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งสูงในระยะกลางถึงยาว โดยหาดราคาทองคำที่พุ่งขึ้นอาจกลายเป็นแรงผลักสำคัญต่อบิทคอยน์ซึ่งถูกขนานนามว่า “ทองคำดิจิทัล” โดยเฉพาะหากราคาทองคำสามารถขยับขึ้นไปที่ 5,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้จริง
อย่างไรก็ดีหากย้อนดูประวัติศาสตร์บิทคอยน์เมื่อครั้งที่ทองคำพุ่งแรง ก็มีหลักฐานว่าคริปโตเบอร์หนึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่เหนือกว่าทองคำอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น ในช่วงมีนาคม 2566 ถึงมีนาคม 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่เฟดใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย BTC พุ่งขึ้นถึง 1,110% ขณะที่ทองคำขยับขึ้นเพียง 35.5%
อีกหนึ่งช่วงคือระหว่างพฤศจิกายน 2565 ถึงพฤศจิกายน 2565 ซึ่งเงินในระบบ (M2) ทั่วโลกพุ่งขึ้น ทองคำปรับขึ้น 25% ส่วนบิทคอยน์พุ่งแรงถึง 150% แสดงถึงประสิทธิภาพที่เหนือกว่าถึง 6 เท่า
หากสมมติว่าทองคำเพิ่มขึ้น 50% จากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 3,265 ดอลลาร์ไปแตะ 5,000 ดอลลาร์ และถ้าบิทคอยน์ทำผลงานได้ดีกว่า 6 เท่าเช่นเดิม ราคาก็อาจพุ่งถึง 300% หรือประมาณ 285,000 ดอลลาร์
ตัวเลขนี้ใกล้เคียงกับการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ชื่อ apsk32 ที่ใช้โมเดล ‘กฎกำลัง’ (power law) ปรับเทียบกับมูลค่าตลาดของทองคำ เพื่อคาดการณ์ราคาของบิทคอยน์
นักลงทุนระดับโลกหนุนแนวคิดบิทคอยน์ทะยานตามทอง
แฟรงก์ โฮล์มส์ ซีอีโอของ US Global Investors ชี้ว่าทองคำมีแนวโน้มแตะ 6,000 ดอลลาร์ในช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่าราคาทองยังตามหลังปริมาณเงินในระบบ M2 ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และหากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง 25% ก็อาจกระตุ้นความต้องการทองคำมากขึ้นจากทั้งธนาคารกลางและนักลงทุนทั่วโลก
สำหรับบิทคอยน์โฮล์มส์มองว่า ราคาน่าจะพุ่งทะลุแนวต้านสำคัญที่ 97,000 ดอลลาร์ และมีโอกาสไปถึง 120,000–150,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น ส่วนในระยะยาว หากการยอมรับเหรียญดิจิทัลเพิ่มขึ้น ก็มีโอกาสแตะ 250,000 ดอลลาร์ได้
BTC ยังนิ่ง ขณะที่ทองคำพุ่งแตะจุดสูงสุดใหม่
ในปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทองคำปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 33.35% ในปีนี้ (YTD) ก่อนจะอ่อนตัวลงเล็กน้อยมาที่ 3,237 ดอลลาร์ ณ วันที่ 5 พฤษภาคม
ในทางกลับกันบิทคอยน์ยังค่อนข้างทรงตัว โดยเพิ่มขึ้นเพียง 0.82% YTD ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของทองคำ
นักวิเคราะห์จาก Cryptollica ชี้ว่า การเคลื่อนไหวของบิทคอยน์อาจมี “ดีเลย์” ตามทองคำ และหากสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่อยู่ในกรอบสะสมราคาในปัจจุบันได้ ก็มีโอกาสทะยานไปถึงระดับ 155,000 ดอลลาร์
ราคาปรับฐานยังดูเบาเมื่อเทียบกับอดีต – โอกาสยังมี?
แม้บิทคอยน์จะร่วงลงจากจุดสูงสุดในรอบปีที่ประมาณ 110,000 ดอลลาร์มาราว 30% แต่เมื่อเทียบกับการปรับฐานในอดีตที่เคยร่วงมากกว่า 50% นี่ถือเป็นการปรับฐานที่ “ไม่รุนแรง” ซึ่งอาจสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสินทรัพย์ และเพิ่มโอกาสที่ราคาจะวิ่งตามทองคำ หากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคกลับมาสนับสนุน
ราคาทองคำจะพุ่งต่อหรือไม่ ยังไม่มีคำตอบแน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดคือ หากมันเกิดขึ้น บิทคอยน์ก็มีโอกาสพลิกตัวแรงตามไปด้วยเช่นกัน