โบรกเกอร์ คาด หุ้นไทยเดือน พ.ค.สดใส ลุ้นแนวต้าน 1,300 จุด หลังเชื่อการเจรจาการค้าของสหรัฐและประเทศต่างๆ มีทิศทางดีขึ้น ส่วนในประเทศ ได้เม็ดเงิน Thai ESGX มูลค่า 1-2 หมื่นลบ. พร้อมแนะนำหุ้นใหญ่น่าเก็บ เชียร์ AOT- GULF และหุ้นกลุ่มปลอดภัย-ปันผลสูง
ทรีนีตี้ ประเมินกรอบ 1,140-1,250 จุด แนะ Selective play
บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคม ประเมินกรอบการ แกว่งตัวของ SET Index ที่ระดับ 1,140-1,250 จุด มองการปรับตัวรีบาวด์ ขึ้นมาจากจุดตํ่าสุดแล้วกว่า 140 จุด อาจทําให้ดัชนี SET พักตัวในระยะสั้นได้บ้าง ประกอบกับภาพของดัชนีทีสะท้อนปัจจัยการลดดอกเบี้ยไปในระดับพอสมควรแล้ว
ประเมินภาพเศรษฐกิจไทยมี Downside risk ที่เปิดกว้างมากขึ้น จากปัจจัยสงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอน และอุปสงค์ภายในทีมีแนวโน้ม เปราะบางมากขึ้น ปัจจัยเหล่านีมีโอกาสสงผลกดดันต่อมายังการปรับลด ประมาณการกําไรทียังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้อานิสงส์ของการลดดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นผ่านกระบวนการ PE Expansion มีโอกาสถูกกลบด้วย ผลกระทบเชิงลบจากการปรับลดประมาณการนี้ได้
อย่างไรก็ดี ด้วย Valuation ที่ยังไม่ได้กลับเข้าสู่กรณีฐานความสัมพันธ์ ของตลาดหุ้นไทยกับตลาดหุ้นโลกทีอยู่ในระดับต่ำและปัจจัยหนุนด้าน สภาพคล่องที่รออยู่จากการเปิดขายกองทุน Thai ESGX ทีจะเริ่มต้นตังแต่ เดือนนี้ อาจเป็นปัจจัยชวยพยุง Downside ของดัชนีได้ต่อไป • Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ กําหนดกรอบแนวต้านแรกของ SET เดือนนี้ที่ ระดับ 1,220 จุดและแนวต้านสาคัญที่ระดับ 1,250 จุด ซึ่งตรงกับกรณีฐาน ของเราตามวิธี PE Model ที Forward PE 13.6x (อิง EPS ปี 2025E ที่ 92 บาท)
ประเมินแนวรับแรกทีบริเวณดัชนี 1,170 จุดและ แนวรับสําคัญที่ 1,140 จุด แนะนําใช้กลยุทธ์ Selective play ไปยังหุ้นกลุ่ม Top pick ของเรา ซึ่งยังคงเน้นซึ่งความปลอดภัยเป็นสําคัญ
สําหรับกลุ่มหุ้นแนะนําประจําเดือนพฤษภาคม ได้แก่
1) หุ้นในกลุ่ม Deep value ได้แก่ SCC, TOP
2) หุ้นในกลุ่ม Defensive ได้แก่ BDMS, CPALL
3) หุ้นที่คาดว่าจะถูกคัดเลือกเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป ได้แก่ TCAP, BCP
4) หุ้นปลอดภัยปันผลสูง ได้แก่ ADVANC, 3BBIF
ทั้งนี้สรุปปัจจัยสําคัญที่น่าติดตามในเดือนพฤษภาคม ได้แก่ 1) พัฒนาการของการเจรจาการค้าระหว่าง สหรัฐฯ จีน และประเทศต่างๆ 2) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในวันที่ 6-7 พฤษภาคม ซึ่งล่าสุดตลาดคาดการณ์ว่าจะมีมติคงดอกเบี้ยไปก่อนที่ระดับ4.25-4.50%
ลิเบอเรเตอร์ ให้แนวต้าน 1,300 จุด เชียร์หุ้นใหญ่ AOT-GULF
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ค.โมเมนตั้มแกว่งขึ้น โดยให้เป้าดัชนี แนวต้าน 1,300 จุด แนวรับ 1,150 จุด
เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศมีสัญญาณดี หลังการเจรจาการค้าของสหรัฐและประเทศต่าง ๆ มีทิศทางที่ดีขึ้น แต่ละประเทศเจรจามากขึ้นถือเป็นสัญญาณดี ขณะที่กับจีน หลังสหรัฐฯเริ่มถอย จีนก็รอเจรจาอยากจะคุยมากขึ้น
สำหรับปัจจัยในประเทศ ความเชื่อมั่นนักลงทุนดีขึ้น ตลาดค่อยๆ ฟื้นตัว รอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เชื่อว่าภาครัฐจะเข็นมาตรการออกมาในไตรมาส 2 นี้ เช่น มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ เป็นปัจจัยหนุน
รวมทั้งกองทุน LTF ที่จะโยกไปกองทุน Thai ESGX ก็ชะลอแรงขายลง มีการซื้อกลับ และความคาดหวังเม็ดเงินใหม่จากการจัดตั้งกองทุน Thai ESGX จำนวน 37 กอง ในเดือน พ.ค.เป็นจิตวิทยาเชิงบวก โดยคาดเม็ดเงินใหม่ราว 1-2 หมื่นล้านบาท ช่วยหนุนทิศทางหุ้น บิ๊กแคปได้บ้างในระยะสั้น จะค่อยๆ ดึงความเชื่อมั่นกลับขึ้นมา
ส่วนกลยุทธ์ เน้นหุ้นใหญ่เป็นหลัก กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ CCET หุ้นใหญ่อย่าง AOT มีสัญณาณดี คิงเพาเวอร์เริ่มกลับมาจ่ายเงิน โรงไฟฟ้า GULF
KGI มอง SET พ.ค. พลิกบวก
บล.เคจีไอ เปิดเผยมุมมองSET เดือนพ.ค. พลิกเป็นบวกมากขึ้น โดยจะได้แรงสนับสนุนจาก ความคืบหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไปของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และ คู่ค้ารายอื่น ๆ ยกเว้นจีน ซึ่งน่าจะใช้เวลานานกว่า รวมถึง ภาวะตลาดที่เป็นบวกจากสภาพคล่องภายในประเทศ ซึ่งน่าจะเพิ่มขึ้นจากการเข้ามาลงทุนในกองทุน Thai ESGX
อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าดัชนีน่าจะขึ้นได้ไม่มากนักเพราะ นักลงทุนต่างชาติยังระมัดระวังกับตลาดการเงินไทย เพราะยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อต่ำเนื่อง และ เพิ่งมีการปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยลงเมื่อวันที่ 29 เมษายน ซึ่งอาจจะจำกัดโอกาสในการใช้มาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต
สำหรับประเด็นการเจรจาทางการค้าระหว่างไทย และ สหรัฐ เราคิดว่ายังไม่น่าจะได้ข้อสรุปในเร็ว ๆ นี้ เพราะรัฐบาลไทยต้องพิจารณาข้อเสนอเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐไม่ให้กระทบกับผู้ผลิตในประเทศ และ ยังต้องบริหารจัดการเพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีกับจีนเอาไว้ด้วย
หุ้นแนะนำเดือนพฤษภาคม ได้แก่ GPSC- GULF-BTG-OSP และ SCGP