สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้เผยคาดการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM)ในไตรมาสแรกปี 2568 ที่จะประกาศในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ มีกำไรสุทธิที่ 304 ล้านบาท ลดลง 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของก่อน(YoY) หรือลดลง 42%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า(QoQ) เป็นผลมาจากการเก็บเงินสดคาดว่าจะน่าผิดหวังทั้งจากการเก็บหนี้ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)และการขายสินทรัพย์รอการขาย(NPA)เนื่องจากอัตราการปฏิเสธของธนาคารที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้า
ทั้งนี้ บล.ทิสโก้คาดการณ์การเก็บเงินสดรวมที่ 3.2 พันล้านบาท ลดลง 9%YoY และลดลง 25% QoQ โดยไม่มีมาตรการกระตุ้นจากรัฐบาลในไตรมาสนี้ ทำให้การเก็บเงินสดทั้งจาก NPL และ NPA ลดลงทั้ง YoY และ QoQ โดยอัตราการปฏิเสธของธนาคารที่สูงยังคงส่งผลกระทบต่อการเก็บเงินสดจาก NPA ในไตรมาสนี้ต่อไป คาดว่าการเก็บเงินจาก NPA จะลดลงเหลือ 1.3 พันล้านบาท ลดลง5% YoYและลดลง 32% QoQ ในขณะที่การเก็บเงินจาก NPL คาดว่าจะอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท ลดลง12% YoYและลดลง18% QoQ การลดลงอย่างมีนัยสำคัญ QoQ ยังเป็นผลมาจากฐานที่สูงตามฤดูกาลใน 4Q24 ขณะที่ด้านต้นทุน คาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะคงที่ YoY ที่ 688 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY หรือลดลง 13% QoQ) ด้วยแรงกดดันจากรายได้ที่อ่อนแอ เราคาดว่าบริษัทจะควบคุมต้นทุนเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม การประมาณการดังกล่าว บล.ทิสโก้ได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2569 ลง 9-17%จากประมาณการเดิม เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้าน downside เพิ่มเติมในระยะสั้น เราปรับลดการเก็บเงินสดปี 2568 เหลือ 15 พันล้านบาท (จาก 17 พันล้านบาท) ซึ่ง 8.5 พันล้านบาทมาจาก NPL และ 6.3 พันล้านบาทมาจาก NPA โดยการประมาณการการเก็บเงินสดรวมของเราต่ำกว่าเป้าหมายเชิงรุกของบริษัท
ปรับลดมูลค่าที่เหมาะสมเป็น 7.00 บาท : คงคำแนะนำ "ถือ"
ดังนั้น จึงปรับลดราคาเป้าหมายตามวิธี DDM เป็น 7.00 บาท จาก 8.50 บาท แม้ว่าในไตรมาส 2 อาจเห็นการปรับตัวดีขึ้นบ้างจากมาตรการ LTV และการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แต่ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่ช้า โดยเฉพาะในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรของ BAM ในระยะกลาง ดังนั้น จึงยืนยันคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ BAM โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 7.00 บาท