ไมเคิล เซย์เลอร์ โหมเกมเดือด! Strategy เพิ่มเป้าทุนเป็นสองเท่า แม้เจ็บหนักจากกฎบัญชีใหม่ที่ทำขาดทุนทะลุประวัติการณ์ 4.2 พันล้านเหรียญในไตรมาสแรกปี 2568 แต่ยังไม่หวั่น ลุยเดินหน้ากว้านซื้อบิทคอยน์ต่อเนื่อง พร้อมเร่งขายหุ้น-ออกหนี้เพิ่มอีก 6.3 หมื่นล้านเหรียญ ท่ามกลางสัญญาณเงินไหลเข้า BTC ของสถาบันที่ยังแรงไม่มีแผ่ว
แม้จะขาดทุนยับจนหน้ามืดถึง 4.2 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2568 แต่ ไมเคิล เซย์เลอร์ ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ Strategy ยังคงเดินเกมบิทคอยน์แบบไม่ถอย โดยประกาศเพิ่มแผนทุนเป็นสองเท่าจากเดิม 42,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 84,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อบิทคอยน์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง
ต้นตอของขาดทุนครั้งประวัติศาสตร์นี้ ไม่ใช่เพราะการซื้อ BTC ผิดพลาด แต่เป็นผลจากการบังคับใช้กฎบัญชีใหม่ที่ให้บริษัทต้องประเมินมูลค่าทรัพย์สินดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ตามราคาตลาด ซึ่งส่งผลให้มูลค่าทางบัญชีผันผวนตามราคาขึ้นลงในแต่ละช่วงเวลา
โดยล่าสุด Strategy ซึ่งปัจจุบันถือครอง BTC ประมาณ 554,000 เหรียญ หรือคิดเป็นมูลค่าราว 53,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้นำกฎใหม่มาใช้ในไตรมาสแรกของปีนี้ หลังผ่านการอนุมัติปลายปี 2567 และแม้จะบันทึกขาดทุนบานปลาย แต่บริษัทยังเดินหน้าเพิ่มทุนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา บริษัทในเวอร์จิเนียเปิดเผยว่า ได้ยื่นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มอีก 21,000 ล้านดอลลาร์ หลังจากโครงการเพิ่มทุนก่อนหน้านี้ที่เปิดไว้ในเดือนตุลาคม 2024 ถูกใช้จนเกลี้ยง พร้อมกันนี้ ยังเพิ่มวงเงินหนี้เป็น 42,000 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 21,000 ล้านดอลลาร์ เหลือเพดานเงินทุนอีก 14,600 ล้านดอลลาร์ให้ใช้ได้ต่อ
อย่างไรก็ดีกลยุทธ์การลงทุนในรอบใหม่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายการถือครอง BTC ให้ถึงขีดสุด ผ่านการออกทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ซึ่ง Strategy เคยประกาศไว้ตั้งแต่ตุลาคม 2024 ว่าจะเพิ่มเม็ดเงิน 42,000 ล้านเหรียญในเวลา 3 ปี เพื่อเปิดรับ BTC มากกว่าที่รายได้หลักของบริษัทจะรองรับได้
ก่อนหน้านี้บริษัทเคยจัดประเภทบิทคอยน์ไว้เป็นสินทรัพย์ไม่มีตัวตน (intangible asset) ซึ่งตามกฎเก่าจะบันทึกผลขาดทุนได้เมื่อราคา BTC ลดลงเท่านั้น แต่ไม่สามารถบันทึกกำไรเพิ่มหากราคาพุ่งขึ้น แนวทางใหม่แม้จะเพิ่มความโปร่งใส แต่ก็สร้างแรงเหวี่ยงทางบัญชีมหาศาล
ขณะที่ในไตรมาส 1 ปีนี้ รายได้รวมของ Strategy อยู่ที่ 111 ล้านดอลลาร์ ลดลง 3.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่บริการสมัครสมาชิก (subscription service) กลับพุ่งแรง 61.6% มาที่ 37.1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนว่าธุรกิจหลักยังโตท่ามกลางแรงกระแทกจาก BTC
ณ วันที่ 28 เมษายน Strategy มีต้นทุนเฉลี่ยในการซื้อ BTC ที่ระดับ 68,459 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ถือว่าอยู่ในระดับสูง ทว่า Saylor ยังไม่ถอยจากวิสัยทัศน์ “Bitcoin maximalist” ที่เขายึดถือเสมอมา
ด้านภาพรวมตลาด บริษัทยักษ์ในตลาดหลักทรัพย์ยังเดินหน้าเก็บ BTC ไม่หยุด โดยไตรมาสแรกปี 2025 มูลค่าการถือครองขององค์กรพุ่งขึ้น 16.1% สู่ระดับ 688,000 BTC จากรายงานของ Bitwise โดยมีการซื้อ BTC เพิ่มกว่า 95,431 เหรียญภายใน 3 เดือน
Bitwise ระบุว่า มูลค่ารวมของ BTC ที่บริษัทมหาชนถือครองอยู่ ณ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ 56.7 พันล้านดอลลาร์ อิงจากราคาปิดที่ 82,445 ดอลลาร์ต่อเหรียญ เพิ่มขึ้น 2.2% จากไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่บริษัทนอกวงการอย่าง Semler Scientific จากสายเทคโนโลยีสุขภาพก็ไม่รอช้า เพิ่งเทเงินอีก 10 ล้านดอลลาร์ ซื้อ BTC เพิ่ม จนมีถือครองรวมกว่า 3,300 BTC หรือราว 300 ล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวสู่สินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้เป็นแค่แฟชั่น แต่เป็นการปรับยุทธศาสตร์ระดับองค์กร