xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นตีฝ่า 1200 จุดไปไกลได้ขนาดไหน / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหุ้นปิดฉาก 4 เดือนแรกปีนี้ได้อย่างสุดสวย โดยวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา ดัชนี ฯ พุ่งทะยาน 26.14 จุด ปิดที่ 1197.26 จุด เนื่องจากแรงกระตุ้นจากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% จาก 2% เหลือ 1.75%

นักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเทขายหุ้นออกอย่างต่อเนื่อง แห่กลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกครั้ง กระชากหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง

การดีดตัวขึ้นของหุ้นรอบนี้ เชื่อกันว่า น่าทะลุแนวต้านระดับ 1200 จุดไปได้ แต่มีคำถามว่า จะฝ่าแนวต้านต่อไปที่ระดับ 1250 จุดได้หรือไม่ ซึ่งคำตอบอยู่ที่ นักลงทุนต่างชาติจะปรับมุมมอง และเข้ามาไล่ช้อนซื้อหุ้นต่อไปหรือไม่

เพราะทิศทางตลาดหุ้น ยังอยู่ภายใต้การชี้นำจากแรงซื้อแรงขายของต่างชาติ โดยดัชนี ฯ ที่ติดลบไปประมาณ 212 จุด ในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ เกิดจากแรงขายของต่างชาติ ซึ่งมียอดขายหุ้นสุทธิรวม 54,590 ล้านบาท

ถ้าต่างชาติไม่กลับมาจริง ดัชนี ฯ หุ้นคงหมดโอกาสไปต่อ โดยอาจหยุดอยู่ที่ดัชนี ฯแถว ๆ 1200 จุด

ข่าวดีที่ปลุกตลาดหุ้นฟื้นคืนสู่ความคึกคัก จนกลายเป็นขาขึ้นรอบเล็กๆ เนื่องจากข่าวดีการลดดอกเบี้ยของ กนง. ซึ่งมีการคาดหมายไว้ล่วงหน้าแล้ว และการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนหรือ TESGX โดยเปิดให้นักลงทุนที่ถือหน่วยลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาวหรือ LTF มาแปลงเป็นกองทุน TESGX ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายนนี้ และเปิดให้นักลงทุนซื้อหน่วยลงทุน โดยสามารถนำเงินลงทุนหักลดหย่อนภาษีได้

ส่วนปัจจัยลบที่กดดันเศรษฐกิจและตลาดหุ้นคือ ภาษี 36% ที่สหรัฐเรียกเก็บเพิ่มสินค้านำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลกำลังรอนัดหมายเพื่อยื่นข้อเสนอเจรจาต่อรองขอลดภาษี โดยไม่อาจคาดหมายได้ว่า การเจรจาตอรองจะประสบความสำเร็จเพียงใด

อย่างไรก็ตามประเทศไทยคงหลีกหนีผลกระทบไม่พ้น โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง การส่งออกจะชะลอตัวอย่างชัดเจน เศรษฐกิจจะทรุดหนัก ตลาดหุ้นเสี่ยงที่จะเกิดความผันผวน และไม่อาจคาดหวังการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติได้มากนัก

เพราะมุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในสายตาต่างประเทศยังเป็นลบ โดยเฉพาะกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ซึ่งลดประมาณการเป้าหมายผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะโต 2.9% เหลือ 1.8% ขณะที่ธนาคารโลกหรือ WORLD BANK หั่นเป้า GDP จากที่คาดว่าจะโต 2.9% เหลือ 1.6%

และบริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสหรือ Moody’s ได้ปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของประเทศไทยลงสู่มุมมอง “เชิงลบ” (Negative) จากเดิมที่มีเสถียรภาพ (Stable) สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและการคลังของประเทศไทยจะอ่อนแอลง

แม้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ จะคาดการณ์ว่า กนง. มีแนวโน้มจะลดดอกเบี้ยลงอีก 2-3 ครั้งในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน รับมือผลกระทบจากการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นข่าวดีสำหรับตลาดหุ้น แต่อาจไม่ช่วยให้หุ้นพลิกสู่ขาขึ้นรอบใหญ่ เพียงแต่อาจชะลอความผันผวนรุนแรงในครึ่งปีหลังเท่านั้น

ดัชนี ฯ ที่พุ่งมาจ่อรอทะลุ 1200 จุด ภายใต้แรงหนุนของต่างชาติที่กลับมาไล่ซื้อกว่า 3 พันล้านบาทนั้น อาจทำให้บรรยากาศการลงทุนดูดีขึ้น และนักลงทุนมีความคาดหวังขึ้น

แต่อย่าตั้งความคาดหวังแนวโน้มตลาดหุ้นมากเกินไป เพราะยังไม่มีปัจจัยที่จะเป็นแรงส่ง ขับเคลื่อนดัชนีฯให้วิ่งไปไกลถึงเป้า 1250 จุดได้ในระยะสั้น

แค่ทะลุ 1200 จุด จึงน่าจะทยอยเผ่นกันก่อน








กำลังโหลดความคิดเห็น