xs
xsm
sm
md
lg

Truth+ ปะทุ! ทรัมป์เล็งลุยเพิ่มกระเป๋าคริปโต-โทเค็น ใช้จ่าย-สะสมแต้ม หวังพลิกเกมสื่อผูกบล็อกเชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



Truth+ แพลตฟอร์มสตรีมของทรัมป์ ลือหึ่ง! เตรียมเปิดตัวกระเป๋าเงินดิจิทัล-ยูทิลิตี้โทเค็น เสริมพลังระบบสมาชิก พร้อมใช้เป็นแต้มสะสมหรือชำระค่าสมัครสมาชิกได้จริง เดินหน้าขยายจักรวาล Truth Social แบบครบเครื่อง ขณะเดียวกัน รัฐบาลทรัมป์เร่งปลดล็อกกฎคริปโต ชู พอล แอตกิ้นส์ นั่งเก้าอี้ใหญ่ ฟาก SEC ส่งสัญญาณเอื้อเหรียญชัดเจน!

Trump Media & Technology Group (TMTG) บริษัทแม่ของแพลตฟอร์ม Truth Social ของ ที่โดนัลด์ ทรัมป์ให้การสนับสนุนเต็มสูบ กำลังวางแผนเปิดแนวรุกครั้งใหม่ในวงการคริปโต ด้วยการพัฒนากระเป๋าเงินดิจิทัลและยูทิลิตี้โทเค็น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ขยายบริการ Truth+ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มุ่งสร้างอาณาจักรมีเดียครบวงจรในจักรวาล "Truth"

แผนการนี้ถูกเปิดเผยผ่านจดหมายถึงผู้ถือหุ้นที่เซ็นโดย Devin Nunes ซีอีโอและประธานบริษัท TMTG เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัท

ในเนื้อหาของจดหมายระบุชัดว่า โทเค็นที่เตรียมเปิดตัวจะทำหน้าที่เป็น “ยูทิลิตี้โทเค็น” ซึ่งในเบื้องต้นสามารถนำมาใช้ชำระค่าสมัครสมาชิก Truth+ หรือเก็บสะสมเป็นแต้มในโปรแกรมรางวัลได้ และในอนาคตอาจขยายไปใช้กับบริการอื่นๆ ภายในระบบนิเวศ Truth Social ที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

แม้จะยังไม่มีการกล่าวถึงคำว่า “คริปโตเคอร์เรนซี” โดยตรง และยังไม่ยืนยันการเชื่อมโยงกับระบบบล็อกเชน แต่ภาษาที่ใช้ในจดหมายก็ชัดเจนว่า “เล่นของจริง” เพราะเต็มไปด้วยศัพท์แสงจากโลกคริปโต

ขณะที่ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ทาง TMTG เปิดตัว Truth Social ขึ้นมาเป็น “ที่พึ่งทางการสื่อสาร” หลังจากที่ทรัมป์ถูกแบนจากแพลตฟอร์มหลักอย่าง X (Twitter เดิม) โดยมุ่งเน้นการเป็นเวทีเสรีภาพในการแสดงความเห็น ซึ่งปัจจุบัน Truth Social กลายเป็นชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ของกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์และฝ่ายอนุรักษนิยม

ส่วนหนึ่งของเอกสารแผนธุรกิจ Trump Media & Technology Group ที่มา Eleanor Terrett บน X
ขณะที่เมื่อเดือนมีนาคม 2567 TMTG ได้เข้าสู่ตลาดหุ้นอย่างเป็นทางการ แม้จะมีรายได้เพียงหยิบมือ แต่มูลค่าบริษัทเคยพุ่งสูงแตะ 8 พันล้านดอลลาร์ ก่อนจะย่อลงมาอยู่ที่ประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์ ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ TMTG กระโจนสู่โลกดิจิทัลแอสเซต เพราะในเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศตั้งแผนก “Truth.fi” ซึ่งโฟกัสด้านฟินเทคเพื่อการลงทุนในบิทคอยน์และคริปโตอื่นๆ พร้อมทั้งเผยแผนเปิดกองทุน ETF ด้านคริปโตร่วมกับ Crypto.com

ขณะที่แผนเปิดตัว “กระเป๋าเงินและโทเค็น Truth+” จะกลายเป็นอีกหนึ่งเส้นเลือดสำคัญที่เชื่อมโลก Web3 เข้ากับอาณาจักรทรัมป์ โดยปัจจุบันมีโครงการที่เชื่อมโยงกับชื่อทรัมป์กระจายอยู่ทั่ว ไม่ว่าจะเป็น NFT, memecoin, stablecoin, การขุดบิทคอยน์, แพลตฟอร์ม DeFi อย่าง World Liberty Financial และแม้แต่เกมวิดีโอธีมอสังหาฯ ที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ก็กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

ขณะเดียวกัน บรรยากาศด้านกฎระเบียบในสหรัฐฯ ภายใต้ “ยุคทรัมป์รีเทิร์น” ก็เอื้อต่อคริปโตอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

หลังกลับเข้าสู่ตำแหน่ง เขาได้ลงนามตั้ง “สำรองสินทรัพย์ดิจิทัลเชิงยุทธศาสตร์” พร้อมผลักดันให้มีการตรากฎหมายรองรับ stablecoin และลดบทบาทหน่วยงานกำกับต่างๆ ที่เคยเข้มงวดกับโครงการคริปโต

หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญคือ การแต่งตั้งพอล แอตกิ้นส์ เป็นประธาน SEC (คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ) เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของท่าทีรัฐต่อคริปโต เพราะแอดกิ้นส์ถูกยกให้เป็น “เพื่อนแท้สายคริปโต” ที่วงการบล็อกเชนอ้าแขนต้อนรับสุดเสียง

ภายใต้การนำของแอตกิ้นส์หน่วยงาน SEC ได้เริ่ม “ถอนฟ้อง – เลิกไล่บี้” คดีสำคัญหลายคดีกับบริษัทด้านคริปโต ไม่ว่าจะเป็น Coinbase, Cumberland DRW หรือแม้แต่ Uniswap Labs ก็หลุดพ้นการสืบสวนในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ล่าสุด SEC ยังประกาศยุติการดำเนินการกับ CyberKongz โครงการ NFT ชื่อดังบน Ethereum โดยไม่ใช้มาตรการบังคับใดๆ และที่เด็ดสุดคือ ประกาศว่าจะไม่เดินหน้าเอาผิดกับริชาร์ด ฮาร์ด ผู้ก่อตั้งโครงการ Hex, PulseChain และ PulseX ซึ่งเคยเป็นเป้าหมายหลักของหน่วยงานมาก่อน