ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งให้บริษัทจดทะเบียนนับสิบแห่ง ชี้แจงธุรกรรมอันต้องสงสัย เข้าข่ายการฉ้อฉล ผ่องถ่าย ไซฟ่อนเงิน
แต่ยังไม่มีผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนคนใด ถูกดำเนินคดีอาญาแม้แต่คนเดียว ทั้งที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการปล้นนักลงทุนในตลาดหุ้น
ล่าสุด ก.ล.ต.สั่งให้บริษัท เคดับบลิวไอ จำกัด (มหาชน) หรือ KWI จัดให้มีการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เกี่ยวกับความผิดปกติของการทำธุรกรรมตามที่ผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกต และนำส่งรายงานผลการตรวจสอบภายใน 30 วัน
คณะกรรมการตรวจสอบของ KWI ได้แจ้งประเด็นข้อสังเกตของผู้สอบบัญชีจากการตรวจสอบงบการเงินต่อ ก.ล.ต. โดยตรวจพบการทำธุรกรรมที่อาจมีความผิดปกติหลายรายการ เช่น การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งไม่มีเอกสารหลักฐานหรือเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานปกติ หรือการจ่ายค่าที่ปรึกษาโดยผู้สอบบัญชีไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ถูกต้องหรือมีการปฏิบัติงาน
รวมทั้งมีประเด็นเกี่ยวกับการจ่ายเงินมัดจำเพื่อซื้อที่ดิน และการควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของกิจการ และ ก.ล.ต.ยังมีประเด็นข้อสังเกตเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงินแก่นิติบุคคล 2 ราย ซึ่งภายหลังการให้กู้ยืมเงินนิติบุคคลทั้ง 2 รายได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใน KWI
ก.ล.ต. จึงสั่งให้ KWI จัดให้มีการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่มีข้อสังเกต โดยให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี และเพื่อความเป็นอิสระของผู้สอบบัญชี จึงให้ตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีที่สังกัดสำนักสอบบัญชีขนาดใหญ่ (Big 4 firms) และต้องไม่เป็นสำนักงานสอบบัญชีที่เป็นผู้สอบบัญชีของ KWI
ข่าวการทำธุรกรรมอันต้องสงสัยว่าไม่โปร่ง เข้าข่ายการผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน ในรูปการซื้อทรัพย์สินในราคาที่แพงเกินจริง หรือลงทุนในธุรกิจที่กำลังจะตาย และการวางเงินมัดจำจำนวนมากเพื่อซื้อทรัพย์สิน แต่สุดท้ายไม่ได้เงินมัดจำคืน เป็นข่าวที่เกิดขึ้นซ้ำซาก
จนกลายเป็นข่าวที่น่าเบื่อน่ารำคาญ เพราะ ก.ล.ต.ทำได้เพียง ขอให้บริษัทจดทะเบียนชี้แจงข้อมูลธุรกรรมที่เข้าข่ายการฉ้อฉลเท่านั้น ไม่สามารถลงโทษผู้บริหารที่มีพฤติกรรมโกงผู้ถือหุ้นได้
และไม่มีมาตรการแก้ไข หรือปิดช่องทางการทำธุรกรรมที่นำไปสู่การผ่องถ่ายเงินในตลาดหุ้นได้แต่อย่างใด
KWI ตกอยู่ในสภาพหุ้นตายซาก โดยมีผู้ถือหุ้นรายย่อยตกค้างอยู่เกือบ 4 พันราย บริษัทฯขาดทุนต่อเนื่องหลายปี ราคาหุ้นดิ่งลงเหว และถูกตลาดหลักทรัพย์ ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2568 เนื่องจากไม่ส่งงบการเงินปี 2567 ตามเวลาที่กำหนด
ผู้บริหาร KWI ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และธุรกรรมอันต้องสงสัยเข้าข่ายการผ่องถ่ายเงินนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัท ฯ เจ๊งหรือไม่ เป็นช่องทางการถอนทุนของผู้ถือหุ้นใหญ่ ปล่อยให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยติดอยู่ในซากบริษัท ฯ หรือไม่ยังเป็นคำถาม
ธุรกรรมที่เข้าข่ายการผ่องถ่ายเงิน เกิดขึ้นในบริษัทจดทะเบียนนับสิบ ๆ แห่งแล้ว รูปแบบและวิธีการของแต่ละบริษัท ฯ ไม่แตกต่างกันมากนัก ส่วนใหญ่จะหอบเงินไปลงทุนซื้อซื้อทรัพย์ โดยจ่ายเงินค่ามัดจำในจำนวนที่สูงผิดปกติ สุดท้ายไม่ได้เงินมัดจำคืน
ธุรกรรมอันเลวร้าย จงใจปล้นผู้ถือหุ้นรายย่อยคงดำเนินต่อไป และจะมีนักลงทุนอีกนับหมื่นนับแสนคน ต้องตกเป็นเหยื่ออาชญากรที่สวมคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน
น่าแปลกใจว่า ทำไม ก.ล.ต.จึงยังทนดูการไซฟ่อน ผ่องถ่าย โยกย้ายเงินในบริษัทจดทะเบียนอยู่ได้
ทำไม ก.ล.ต.จึงไม่กระตือรือร้น ลุกขึ้นสกัดกั้นธุรกรรมอันต้องสงสัยว่าทุจริต ปิดช่องทางการผ่องถ่ายเงินในบริษัทจดทะเบียน เพื่อปกป้องผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยสั่งแก้ไขกฎเกณฑ์ หรือเร่งแก้กฎหมาย และจำกัด ระงับหรือห้ามบริษัทจดทะเบียน ทำธุรกรรมที่เป็นช่องทางการไซฟ่อนเงิน
อย่างน้อยกำหนดให้ธุรกรรมอันต้องสงสัยว่า จะสร้างความเสียหายให้ผู้ถือหุ้น ต้องขออนุมัติและได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.ก่อน
บริษัทจดทะเบียนที่ล่มสลาย และอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ หรือถูกตะเพิดพ้นตลาดหุ้นไปแล้ว มีอยู่หลายสิบบริษัท ซึ่งผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องรับเคราะห์ หมดเนื้อหมดตัวนับแสนราย
แต่บรรดาผู้บริหารบริษัทฯกลับอยู่ในฐานะเศรษฐี มีเงินนับพันล้านบาท เพราะอาชญากรตลาดหุ้นพวกนี้ ไซฟ่อนผ่องถ่ายเงินออกไปก่อนล่วงหน้า เหลือแต่ซากของกิจการไว้ให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยไว้ดูต่างหน้าเท่านั้น
ธุรกรรมอันเข้าข่ายการผ่องถ่ายเงิน ก.ล.ต.ทำได้เพียงขอให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนชี้แจงข้อมูลการทำธุรกรรมมาเพียงเท่านั้นหรือ
ก.ล.ต.ไม่รู้สึกเบื่อ ไม่รู้สึกอึดอัด และไม่รู้สึกผิดในบทบาทหรืออำนาจที่ไม่อาจปกป้องประชาชนผู้ลงทุนที่ถูกผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนปบล้นจนหมดตัวบ้างหรือ