xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.แคนาดาเตือนระวังภัยหลอกลวงครั้งใหญ่ หลังพบ AI Deepfake ระบาดหนักในตลาดคริปโต!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี Deepfake กำลังถูกนำมาใช้เป็นอาวุธสร้างมหากาพย์หลอกลวงในโลกคริปโต แคนาดาส่งสัญญาณเตือนภัยครั้งใหญ่ หลังตัวเลขความเสียหายพุ่งทะลุ 648 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่หน่วยงานกำกับฯ เร่งไล่ล่าเงินหายกลางสมรภูมิดิจิทัลที่ไร้พรมแดน

หน่วยงานกำกับดูแลของแคนาดากำลังส่งสัญญาณเตือนถึงภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนที่ตกเป็นเหยื่อ Deepfake ขับเคลื่อนด้วย AI ผสมโรงกับแผนการหลอกลวงในวงการคริปโตที่ซับซ้อนมากขึ้น จนทำให้ยอดความเสียหายจากการลงทุนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

จากรายงานท้องถิ่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ออนแทรีโอ (OSC) เปิดเผยความกังวลต่อ "การเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง" ของการหลอกลวงออนไลน์ที่ใช้ Deepfake และแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตปลอม หลอกดูดเงินจากนักลงทุนสูญเป็นหลักล้านเหรียญ

ในระหว่างการประชุมใหญ่ประจำปีที่โตรอนโต แกรนด์ วินโกล์ ซีอีโอ และ บอนนี่ ไลซิก รองประธานฝ่ายบังคับใช้กฎหมายของ OSC บรรยายภาพสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ไร้กฎหมาย ซึ่งผู้หลอกลวงฉวยโอกาสจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ กฎเกณฑ์ที่หย่อนยาน และเครื่องมือเทคโนโลยีอันทรงพลังเพื่อก่ออาชญากรรมข้ามพรมแดน

อย่างไรก็ตามคำเตือนครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความนิยมในสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มสูง หน่วยงานกำกับฯ ยอมรับว่าแทบตามไม่ทันมุกใหม่ๆ ของเหล่ามิจฉาชีพ ข้อมูลระบุว่าในปี 2566 มีการรายงานความเสียหายจากการฉ้อโกงสูงถึง 648 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

เหยื่อส่วนใหญ่ถูกลวงผ่านการปลอมตัวด้วย AI ในรูปแบบหลอกให้รัก แและชักชวนลงทุนในแพลตฟอร์มคริปโตปลอม หรือแม้กระทั่งความสัมพันธ์โรแมนติกทางออนไลน์ที่บ่มเพาะจนเหยื่อตกลงเชื่อใจ ก่อนจะลงมือปล้นทรัพย์ในตอนจบ

อย่างไรก็ตาม OSC ระบุว่ากำลังเผชิญกับปริมาณคดีฉ้อโกงที่ทะลักเข้ามาอย่างหนัก ซึ่งจากข้อมูลสถิติพบว่ามีเอกสารร้องเรียนมากกว่า 2,000 ชุด ภายในเวลาเพียง 18 เดือน

เทคโนโลยี Deepfake ถูกใช้เป็นอาวุธหลอกเหยื่อให้รัก ก่อนสูบเงินจนเกลี้ยง

ผู้หลอกลวงยุคใหม่กำลังใช้ AI สร้างเสียงและวิดีโอ Deepfake ที่แนบเนียน ปลอมตัวเป็นญาติ คนรัก หรือเพื่อนสนิทเพื่อหลอกเอาเงิน อาวุธใหม่เหล่านี้กำลังเปลี่ยนเกมฉ้อโกงให้รวดเร็วและร้ายแรงกว่าเดิม แค่ไม่กี่วันก็สามารถล้มชีวิตเหยื่อลงได้อย่างสมบูรณ์

ขณะที่บางแผนซับซ้อนถึงขั้นบ่มเพาะความสัมพันธ์ระยะยาวกับเหยื่อออนไลน์ ก่อนจะค่อยๆ ปูทางสู่การปล้นทรัพย์ในที่สุด

หนึ่งในปฏิบัติการสำคัญคือ Operation Avalanche ซึ่ง OSC ร่วมมือกับหน่วยงานกำกับระดับจังหวัด หน่วยงานตำรวจ และบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน Chainalysis ติดตามกระเป๋า Ethereum ที่ถูกบุกรุก และสามารถแจ้งเตือนนักลงทุน 89 รายให้ระวังทรัพย์สินที่เสี่ยงภายในสองวัน

อย่างไรก็ตาม แม้จะเชิงรุกเพียงใด ความไร้ตัวตนของบล็อกเชนและการทำธุรกรรมไร้พรมแดนยังทำให้การตามเงินที่ถูกขโมยไปแทบเป็นไปไม่ได้เมื่อเหรียญถูกส่งต่อไปแล้ว

เพื่อรับมือกับความท้าทายใหม่นี้ OSC วางแผนขยายความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ พร้อมทั้งเร่งพัฒนาศักยภาพการติดตามทรัพย์สินให้แม่นยำขึ้น

กฎระเบียบใหม่ต้องไม่ฆ่านวัตกรรม

แม้ OSC จะเร่งขันน็อตกฎหมาย ผู้นำอุตสาหกรรมคริปโตกลับเตือนว่า การกำกับที่แข็งกร้าวเกินไปอาจไล่ผู้ประกอบการที่ดีหนีออกนอกประเทศ

ขณะที่ Coinbase ศูนย์แลกเปลี่ยนคริปโตระดับโลก ออกแถลงการณ์ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ของแคนาดา เตือนว่าหากขาดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนและเป็นมิตรต่อการเติบโตของนวัตกรรม แคนาดาอาจเสียความได้เปรียบในสนามสินทรัพย์ดิจิทัลโลก

ลูคัส แมทธิสัน ผู้อำนวยการ Coinbase แคนาดา ระบุว่า ชาวแคนาดาราว 5 ล้านคนถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่แล้ว และสังคมโดยรวมโหยหาการปฏิรูประบบการเงินอย่างล้นหลาม

ผลสำรวจล่าสุดเผยว่า 86% ของชาวแคนาดาต้องการเห็นการปฏิรูปทางการเงิน, 80% มองว่าระบบปัจจุบันไม่ยุติธรรม และ 76% เชื่อว่าระบบนี้ล้าสมัยเต็มที

Coinbase ยังชี้ว่ากฎเข้มเกินไปทำให้บางบริษัทเลิกกิจการในแคนาดาแล้ว โดยเฉพาะนโยบายที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับ Stablecoin และขั้นตอนการลงทะเบียนล่วงหน้าที่ซับซ้อนเกินไป

เพื่อเสนอทางออก Coinbase เสนอแผนงานสำหรับรัฐบาลกลางใหม่ เช่น การตั้งหน่วยงานวางกลยุทธ์ด้านคริปโต, การสร้างทุนสำรอง Bitcoin ของรัฐ และการสนับสนุนกฎเกณฑ์เพื่อสเตคคริปโต, ธนาคารด้านคริปโต และการสร้างศูนย์ข้อมูล AI
ทั้งนี้แม้ในสนามรบจะดุเดือด แต่แคนาดายังแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้า ด้วยการอนุมัติ ETF Solana แบบสปอตแห่งแรกในอเมริกาเหนือที่รองรับฟังก์ชันการสเตค (staking)

ETF ดังกล่าว ได้รับอนุมัติจาก OSC และเปิดทางให้นักลงทุนได้ถือครอง Solana จริง พร้อมรับรางวัลจากการสเตคผ่านกองทุนโดยตรง

ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าขณะหน่วยงานกำกับดูแลเร่งปราบปรามการฉ้อโกง พวกเขายังเปิดประตูต้อนรับนวัตกรรมใหม่ ตราบเท่าที่มีการควบคุมอย่างชาญฉลาดและสมดุล