xs
xsm
sm
md
lg

Bitcoin แซง Alphabet ขึ้นแท่นสินทรัพย์มูลค่าสูงสุดอันดับ 5 ของโลก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังจากที่บิทคอยน์มีราคาทะยานพุ่งขึ้นแตะ 1.87 ล้านล้านดอลลาร์ แซงหน้าบริษัทแม่ Google เฉียดฉิว ทำให้นักลงทุนแห่เข้าตลาดจากความหวังใหม่หลังทรัมป์ส่งสัญญาณปลอบใจตลาด พร้อมเงินไหลเข้า ETF ดันราคาทะลุ 94,000 ดอลลาร์

Bitcoin (BTC) ขึ้นแท่นเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก แซงหน้ายักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่าง Alphabet บริษัทแม่ของ Google อย่างฉิวเฉียด โดยเมื่อวันที่ 23 เมษายน มูลค่าตลาดของบิทคอยน์พุ่งแตะระดับ 1.87 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ Alphabet อยู่ที่ 1.859 ล้านล้านดอลลาร์ ตามการจัดอันดับสินทรัพย์ทั่วโลกล่าสุด

การทะยานขึ้นของบิทคอยน์ส่งผลให้คริปโตอันดับหนึ่งของโลกตอนนี้ตามหลังเพียงทองคำ, Apple, Microsoft และ Nvidia เท่านั้น โดยนับเป็นการขยับอันดับที่มีนัยสำคัญในวงการการเงินทั่วโลก

การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้ยังมาพร้อมกับแนวโน้มที่บิทคอยน์เริ่มแยกตัวจากความสัมพันธ์ที่เคยแนบแน่นกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ซึ่งในเดือนเมษายนเพียงเดือนเดียว BTC พุ่งขึ้นถึง 15% เทียบกับผลตอบแทนเพียง 4.5% ของ Nasdaq 100

นักลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมองว่าการดีดตัวครั้งนี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตลาดคริปโตอย่างชัดเจน หลังจากที่บิทคอยน์ซบเซาและผลตอบแทนไม่จูงใจมาหลายเดือน

แม้ว่าราคาบิทคอยน์จะฟื้นตัวแรง แต่ก็ยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 109,000 ดอลลาร์ซึ่งเคยแตะไว้เมื่อเดือนมกราคม หลังการเลือกตั้งซ้ำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ราว 16%

อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดของทรัมป์ ทั้งการออกคำสั่งบริหารให้จัดตั้ง "กองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์" (SBR) รวมถึงการวิจารณ์ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ก็ได้ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะเมื่อ SBR กำลังเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ 60 วัน

Vetle Lunde หัวหน้าฝ่ายวิจัยจากบริษัท K33 ให้ความเห็นว่า “คำถามเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟด กำลังกลายเป็นแรงหนุนเชิงบวกให้กับบิทคอยน์” ขณะที่นักวิเคราะห์มหภาคนาม Fejau ก็สะท้อนแนวโน้มนี้ โดยมองว่าการไหลออกของเงินทุนจากสินทรัพย์ดั้งเดิมของสหรัฐฯ กำลังเอื้อให้ BTC กลับมาเป็นพระเอกอีกครั้ง พร้อมเสริมว่า “นี่คือสภาพแวดล้อมที่บิทคอยน์ถูกออกแบบมา”

Fejau คาดว่า เมื่อความผันผวนของตลาดลดลง BTC จะกลายเป็นผู้นำในคลื่นการเติบโตครั้งใหม่ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทของบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ที่มีเบต้าสูง แต่ไม่ผูกติดกับความเสี่ยงของตลาดหุ้นเทคโนโลยีหรืออัตราภาษี

ขณะเดียวกัน Alphabet เองก็เผชิญความท้าทายจากแรงกดดันรอบด้าน ทั้งการตรวจสอบกฎระเบียบ การต่อต้านการผูกขาด และรายได้จากโฆษณาดิจิทัลที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้ การผงาดขึ้นของคู่แข่งในสาย AI และแนวโน้มการเติบโตที่เริ่มช้าลง ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยักษ์เทคฯ รายนี้ด้วยเช่นกัน

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น มูลค่าตลาดของบิทคอยน์ในขณะนี้เทียบเท่ากับบริษัท Tesla จำนวนสองแห่งรวมกัน โดย Tesla เคยเข้าซื้อบิทคอยน์และใส่ไว้ในงบดุลเมื่อต้นปี 2564 ที่ราคาประมาณ 33,500 ดอลลาร์ต่อเหรียญ ซึ่งตอนนี้คิดเป็นกำไรที่เพิ่มขึ้นถึงราว 180% หรือมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์

ในอีกมุมหนึ่ง ตลาดยังได้รับแรงกระตุ้นจากถ้อยแถลงของทรัมป์เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ โดยในวันอังคารที่ผ่านมา ราคาของบิทคอยน์พุ่งขึ้นทะลุ 94,000 ดอลลาร์ หลังจากทรัมป์ประกาศชัดว่าเขาไม่มีแผนจะปลดเจอโรม พาวเวลล์ จากตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งช่วยคลายกังวลเรื่องความเป็นอิสระของเฟด

ท่าทีที่อ่อนลงของทรัมป์ต่อภาษีศุลกากรจีนยิ่งช่วยจุดประกายความหวังของตลาด และดันให้บิทคอยน์ปรับตัวพุ่งขึ้น โดยราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ 93,750 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 4% เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap

นอกจากนี้ ความสนใจจากนักลงทุนสถาบันก็กลับมาอีกครั้ง โดยกองทุน ETF Bitcoin ในสหรัฐฯ มีเงินไหลเข้าสุทธิสูงถึง 719 ล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียง 2 วัน สะท้อนความเชื่อมั่นใหม่ที่กำลังเอ่อล้นเข้าสู่ตลาดคริปโต