แบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America - BofA) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียในปี 2568 โดยเตือนว่าความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และแรงกดดันด้านภาษีศุลกากร จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างหนัก
BofA คาดว่า การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ถ่วงน้ำหนักทั้งภูมิภาคเอเชียในปี 2568 จะชะลอตัวลงเหลือ 3.9% โดยลดลง 0.6% จากประมาณการก่อนหน้า และจะฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยเป็น 4.2% ในปี 2569
นอกจากนี้ BofA คาดว่า GDP ของจีนจะเติบโตเพียง 4.0% ในปีนี้ ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 4.5% โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า แม้จะมีการชะลอการเก็บภาษีตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน และมีการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางรายการ ซึ่งช่วยผ่อนคลายแรงกดดันในระยะสั้น แต่ความไม่แน่นอนยังอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยจีนได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าอเมริกันเป็น 125% ขณะที่ยอดส่งออกจากจีนไปสหรัฐฯ ลดลงถึง 30?50% ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจจีน
ผู้ส่งออกเทคโนโลยีอย่างไต้หวันและเวียดนามได้รับประโยชน์จากการยกเว้นภาษีบางส่วน แต่ภาคส่วนที่ไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีกลับเผชิญความท้าทายมากขึ้น ขณะที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะมาเลเซียและไทย มีความเปราะบางต่ออุปสงค์โลกที่อ่อนแอและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน
BofA คาดว่า ญี่ปุ่นอาจรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้อย่างหวุดหวิด แม้เผชิญกับภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐฯ ถึง 25% ก็ตาม ส่วนอินเดียนั้น BofA ระบุว่า ยังได้รับการสนับสนุนจากนโยบายภายในประเทศ โดยคาดว่า GDP จะขยายตัว 6.4% แม้ถูกปรับลดลง 0.2%
นักวิเคราะห์ของ BofA เตือนว่า ความเสี่ยงยังคงมีแนวโน้มไปในทางขาลง โดยเฉพาะหากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย หรือหากการเจรจาการค้าหยุดชะงัก และยังคาดว่าธนาคารกลางในภูมิภาค รวมถึงธนาคารกลางจีน (PBOC) มีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาผลกระทบ โดยระบุว่า การผ่อนคลายทางการเงินอาจจะเกิดขึ้นก่อนการใช้มาตรการด้านการคลัง