ราคาบิทคอยน์ทะยานสู่ระดับสูงสุดในรอบ 45 วัน ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์แนะจับตาตลาดฟิวเจอร์สบิทคอยน์ แม้ยังคงแสดงท่าทีระมัดระวัง โดยไม่มีสัญญาณชัดเจนของแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น
วานนี้ (22 เมษายน 2568) ราคาบิทคอยน์ (BTC) พุ่งขึ้นแตะระดับ 91,695 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 45 วัน สอดคล้องกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำที่ทำสถิติใหม่ โดยนักวิเคราะห์มองว่าการปรับตัวขึ้นของราคาสินทรัพย์เหล่านี้สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศ
แม้ว่าราคาบิทคอยน์จะปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ข้อมูลจากตลาดฟิวเจอร์สบิทคอยน์ยังไม่แสดงสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน โดยอัตราพรีเมียมของฟิวเจอร์สระยะเวลา 2 เดือนอยู่ที่ 6% ซึ่งอยู่ในระดับปกติของตลาดที่เป็นกลาง (neutral market) และไม่ได้บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งจากนักลงทุน
ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายยังคงระมัดระวัง เนื่องจากบิทคอยน์เคยพยายามทะลุระดับ 95,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถยืนระยะได้ และร่วงลงสู่ระดับ 81,464 ดอลลาร์ในวันถัดมา ความผันผวนนี้ทำให้นักลงทุนบางส่วนยังคงลังเลที่จะเข้าซื้อในระดับราคาปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 14.5% จากจุดสูงสุด ขณะที่บิทคอยน์ลดลง 16% จากจุดสูงสุดที่ 109,346 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงของบิทคอยน์ยังคงน้อยกว่าหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Nvidia, Amazon, Facebook และ Tesla
ในด้านนโยบายเศรษฐกิจ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ ได้แสดงความเห็นเมื่อวันที่ 22 เมษายนว่า สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในปัจจุบันเป็น "สถานการณ์ที่ไม่ยั่งยืน" ซึ่งอาจนำไปสู่การผ่อนคลายความตึงเครียด ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงกดดันธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
แม้จะมีปัจจัยบวกเหล่านี้ แต่ตลาดฟิวเจอร์สบิทคอยน์ยังคงแสดงท่าทีระมัดระวัง โดยดัชนี skew ของออปชั่นบิทคอยน์ระยะเวลา 30 วันอยู่ที่ -2% ซึ่งอยู่ในช่วงกลางของความเป็นกลาง (neutral range) และไม่บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งจากนักลงทุนรายใหญ่
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงมองว่าบิทคอยน์มีโอกาสกลับไปทดสอบระดับ 95,000 ดอลลาร์อีกครั้ง หากมีความคืบหน้าในเชิงบวกจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ ที่สนับสนุนการเติบโตของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีในระยะยาว