กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2568 ของประเทศใหญ่ในเอเชียอย่างจีน อินเดีย และญี่ปุ่น โดยระบุถึงสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้า และความไม่แน่นอนสูงในด้านนโยบาย
ทั้งนี้ IMF ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 2568 ลงสู่ระดับ 4% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในเดือนม.ค.ว่าจะขยายตัว 4.6% และปรับลดคาดการณ์ GDP ของอินเดียในปี 2568 ลงสู่ระดับ 6.2% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 6.5%
นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของญี่ปุ่นในปี 2568 ลงสู่ระดับ 0.6% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.1%
สำหรับการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนนั้น สะท้อนให้เห็นว่า IMF คาดการณ์ตัวเลข GDP ปี 2568 ต่ำกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ประมาณ 5% ขณะที่ทางการอินเดียคาดการณ์ GDP จะขยายตัวที่ 6.5% ในปีงบประมาณ 2568 ซึ่งเริ่มต้นในเดือนเม.ย. 2568 และสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2569
ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันอังคาร (22 เม.ย.) IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2568 ลงสู่ระดับ 2.8% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 3.3% และยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2569 ลงเหลือ 3.0% จากเดิมที่ระดับ 3.3%
IMF ระบุในรายงานดังกล่าวว่า "นับตั้งแต่การเปิดเผยรายงาน WEO ในเดือนม.ค. สหรัฐฯ ได้ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรหลายครั้ง ขณะที่ประเทศคู่ค้าประกาศมาตรการตอบโต้เช่นกัน ส่งผลให้สหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ในวันที่ 2 เม.ย. สู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 ศตวรรษ"
นอกจากนี้ IMF เตือนว่าความไม่แน่นอนของมาตรการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อแนวโน้มและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ นั้น IMF คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 1.8% ในปี 2568 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.7% ขณะเดียวกัน IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของยูโรโซนสู่ระดับ 0.8% ในปี 2568 จากเดิมที่ระดับ 1.0%