บริษัทคริปโตชั้นนำที่รวมถึงเซอร์เคิล บิตโก คอยน์เบส และแพ็กโซส กำลังสำรวจลู่ทางเพื่อขอใบอนุญาตทำธุรกิจธนาคาร ขณะที่การผ่อนคลายกฎระเบียบเปิดทางให้บริษัทคริปโตได้รับการยอมรับมากขึ้นภายในระบบการธนาคารของอเมริกา ในทางกลับกันมีรายงานว่า แบงก์ชั้นนำ อาทิ ยูเอส แบนคอร์ป และแบงก์ ออฟ อเมริกา เล็งขยับขยายธุรกิจคริปโตของตนเอง
ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัลเมื่อวันจันทร์ (21 เม.ย.) ซึ่งอ้างอิงจากแหล่งข่าววงใน เซอร์เคิล ผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ USDC และบิตโก ผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์คริปโต รวมถึงบริษัทคริปโตใหญ่อีกหลายแห่งกำลังพิจารณาขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจการธนาคารบางรูปแบบ
บริษัทอื่นๆ ที่ถูกพาดพิงถึงรวมถึงคอยน์เบส กระดานเทรดคริปโตชื่อดังของอเมริกา และแพ็กโซส ผู้ออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ ที่มีข่าวว่า กำลังพิจารณาขอใบรับรองดำเนินการธนาคารสำหรับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมหรือทรัสต์เพื่อเพิ่มข้อเสนอทางการเงิน
รายงานเสริมว่า บริษัทบางแห่งอาจขอใบอนุญาตแบบจำกัดเพื่อออกสเตเบิลคอยน์เท่านั้น
แมตต์ เลวีน คอลัมนิสต์ของบลูมเบิร์ก โอพีเนียน มองว่า ในอนาคตคริปโตอาจสร้างการธนาคารปกติรูปแบบใหม่ รวมถึงกฎระเบียบสำหรับแบงก์
ในทางกลับกัน ธนาคารดั้งเดิมหลายแห่งขานรับกระแสการผ่อนคลายกฎควบคุมคริปโตในอเมริกา โดยมีรายงานว่า ธนาคารชั้นนำ อาทิ ยูเอส แบนคอร์ป และแบงก์ ออฟ อเมริกา กำลังขยับขยายธุรกิจคริปโตของตนเอง ส่งสัญญาณการหลอมรวมระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลกับธุรกิจกระแสหลัก
ในส่วนยูเอส แบนคอร์ปนั้นกำลังรีลอนช์โปรแกรมรับฝากสินทรัพย์คริปโต ขณะที่แบงก์ ออฟ อเมริกาเตรียมออกสเตเบิลคอยน์หากมีการประกาศกรอบกฎหมายออกมาอย่างชัดเจน
แม้แต่แบงก์ยักษ์ใหญ่ต่างจับตากระแสนี้อย่างใกล้ชิด อาทิ ดอยช์ แบงก์ และสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดที่กำลังสำรวจลู่ทางในการขยายธุรกิจคริปโตเข้าสู่อเมริกา
ข่าวระบุว่า บริษัทเหล่านี้เล็งทำธุรกิจในรูปแบบเดียวกับธนาคารดั้งเดิม ซึ่งรวมถึงการรับฝากเงิน ปล่อยสินเชื่อ และออกสเตเบิลคอยน์ภายใต้การกำกับดูแล
ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เกิดขึ้นขณะที่นโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งถูกกระตุ้นโดยการประกาศเป้าหมายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการทำให้อเมริกาก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจบิตคอยน์
ปัจจุบัน รัฐสภาสหรัฐฯ กำลังเร่งผลักดันกฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์ที่กำหนดให้ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลกลางหรือมลรัฐ
หน่วยงานกำกับดูแลระบบการเงินของอเมริกามีส่วนร่วมในกระแสนี้เช่นเดียวกัน เช่น มีการผ่อนคลายข้อจำกัดสำคัญตั้งแต่เมื่อต้นปี ซึ่งรวมถึงการยกเลิกกฎ SAB 121 ของคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ที่ห้ามธนาคารถือครองคริปโตในนามลูกค้า
นอกจากนั้น สำนักงานควบคุมเงินตราของสหรัฐฯ (OCC) ยังประกาศว่า ธนาคารสามารถให้บริการสเตเบิลคอยน์และรับฝากสินทรัพย์คริปโตได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎการธนาคาร
ทางด้านเจอโรม พาวเวลล์ ประธานผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยืนยันว่า ธนาคารสามารถให้บริการคริปโตแก่ลูกค้าได้ หากมีกลยุทธ์จัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
เมื่อเร็วๆ นี้พาวเวลล์ยังกล่าวในงานประชุมที่ชิคาโกว่า ขณะที่สินทรัพย์ดิจิทัลได้รับการยอมรับมากขึ้นจากสถาบันกระแสหลัก การกำหนดกรอบกฎหมายสำหรับสเตเบิลคอยน์ถือเป็นความคิดที่ดี และยอมรับว่า ภายหลัง “คลื่นความล้มเหลวและการฉ้อฉล” อุตสาหกรรมคริปโตได้นำเสนอการใช้งานคริปโตสำหรับผู้บริโภคที่อาจได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง