กระแสราคาบิทคอยน์ช่วงวันหยุดอีสเตอร์จุดกระแสใหม่ในตลาด ETF สหรัฐฯ ดึงเงินทุนกลับเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัล หลังจากเผชิญกระแสไหลออกก่อนหน้านี้ ชี้เป็นสัญญาณการกลับมาของความเชื่อมั่นจากสถาบัน ขณะที่แนวต้าน 91,000 ดอลลาร์ยังเป็นด่านทดสอบสำคัญ
ราคาบิทคอยน์ที่พุ่งสูงเกินระดับ 87,000 ดอลลาร์ในช่วงวันหยุดอีสเตอร์ที่ผ่านมา สร้างแรงสั่นสะเทือนให้ตลาดคริปโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัท QCP Capital ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายคริปโตในสิงคโปร์ ออกมาระบุว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงการพุ่งขึ้นตามฤดูกาล แต่สะท้อนถึงการฟื้นตัวของกระแสเงินทุนจากนักลงทุนสถาบัน
ในบันทึกการวิจัยที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ QCP เปิดเผยว่ากองทุน ETF Bitcoin ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ มีเงินไหลเข้าสุทธิ 13.4 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการพลิกกลับจากกระแสเงินไหลออกจำนวน 708 ล้านดอลลาร์ในสัปดาห์ก่อนหน้า
"แม้ว่าตลาดคริปโตจะคุ้นชินกับการพุ่งขึ้นช่วงสุดสัปดาห์ที่มีสภาพคล่องต่ำ แต่การเคลื่อนไหวครั้งนี้แตกต่าง" นักวิเคราะห์ของ QCP ระบุในรายงานว่า บิทคอยน์กำลังฟื้นตัวจากการเทขายครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้ ที่เกิดจากถ้อยแถลงของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับ "วันปลดปล่อย" ซึ่งจุดกระแสใหม่ในหมู่นักลงทุน
นักวิเคราะห์เชื่อว่าการพุ่งของราคาควบคู่กับเงินทุนที่ไหลกลับเข้าสู่ ETF บ่งชี้ถึงการหวนคืนสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างบิทคอยน์ของนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดการเงินแบบดั้งเดิมยังคงเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยต่าง ๆ
นอกจากนี้ ยังสังเกตได้ว่าทองคำทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถอยกลับ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากนักลงทุนทั่วโลก
อย่างไรก็ดี QCP ยังเตือนว่าการยืนยันแนวโน้มขาขึ้นอย่างยั่งยืนของบิทคอยน์จำเป็นต้องผ่านระดับแนวต้านสำคัญที่ 88,800 ดอลลาร์ให้ได้เสียก่อน โดยระบุว่า "เรายังไม่สรุปว่าราคาจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกว่า BTC จะยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง"
ข้อมูลจาก Farside ยังเผยว่ากองทุน iShares Bitcoin Trust (IBIT) ของ BlackRock เป็นผู้ดึงดูดเงินทุนสูงสุดที่ 186.5 ล้านดอลลาร์ รองลงมาคือ BITB ของ Bitwise ที่ดึงได้ 23.8 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ ETF อื่น ๆ อย่าง Grayscale, VanEck, Invesco และ Franklin มีเงินไหลเข้ารวมกันที่ 26.3 ล้านดอลลาร์
แม้ราคาจะปรับตัวขึ้นแต่แรงกดดันจากแนวต้านทางจิตวิทยายังไม่จางหาย โดยข้อมูลจาก CryptoQuant ระบุว่าผู้ถือ BTC ระยะสั้น (ถือครองไม่ถึง 6 เดือน) ยังคงขาดทุนเฉลี่ย 5.18% โดยมีราคาทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 91,000 ดอลลาร์ ซึ่งกลายเป็นแนวต้านสำคัญของตลาดในเวลานี้
ในทางตรงกันข้าม นักลงทุนหน้าใหม่ที่เข้าตลาดในช่วงเดือนที่ผ่านมาเริ่มมีกำไรเฉลี่ย 3.73% แต่หากบิทคอยน์ไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านดังกล่าวได้อย่างชัดเจน ก็ยังมีโอกาสเกิดการเทขายระลอกใหม่
QCP เตือนว่า "หากไม่สามารถผ่านแนวต้าน 91,000 ดอลลาร์ได้อย่างชัดเจน ก็อาจเกิดการรีเซ็ตความเชื่อมั่นในตลาด และกดดันราคาลงอีกครั้ง"
ด้าน Matt Hougan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bitwise ยังย้ำคำทำนายเดิมเมื่อเดือนธันวาคม ว่าบิทคอยน์ อาจพุ่งแตะ 200,000 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2568 โดยมองว่าการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยเฉพาะมาตรการภาษีศุลกากรใหม่ที่ผลักดันโดยทรัมป์ อาจเป็นปัจจัยหนุนราคาสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว