ตลาดหุ้นพลิกฟื้นสู่ช่วงขึ้นในระยะสั้นอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศยืดเวลาบังคับใช้ภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศไทยเพิ่มขึ้น 36% ไปอีก 90 วัน ทำให้ดัชนี ฯ ตีฝ่าแนวต้านได้ถึง 2 แนว
จากดัชนี ฯ ที่กำลังจะหลุดระดับ 1050 จุด สามารถพุ่งทะยานทะลุแนวต้าน 1100 จุด และเมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายนที่ผ่านมาขึ้นมาปิดที่ 1150.95 จุด โดยรอบนี้ดีดตัวขึ้นมาประมาณ 100 จุด
บรรยากาศการลงทุนหลังจากเทศกาลสงกรานต์มีความคึกคักขึ้น ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย เพราะมีปัจจัยบวกหลายด้านเข้ามาสนับสนุน โดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกในปีนี้ ซึ่งมีผลกำไรเติบโตขึ้นเล็กน้อย
และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการประชุมในวันที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งทุกฝ่ายเชื่อว่า จะมีมติลดดอกเบี้ยอีก 0.25% จากเดิม 2% เหลือ 1.75% และอาจจะลดลงอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาษีประธานาธิบดีทรัมป์
ปัจจัยเชิงบวกอีกด้านคือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนหรือ TESGX ซึ่งจะเปิดให้นักลงทุนซื้อหน่วยลงทุนในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนนี้ โดยสามารถนำเงินลงทุนขอลดหย่อนภาษีได้ และจะมีเงินลงทุนเข้ามาประมาณ 20,000 ล้านบาท
การขยายเวลาการบังคับใช้ภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยของสหรัฐ นักวิเคราะห์มองว่า จะทำให้ตลาดหุ้นปลอดข่าวร้ายไปอีกเกือบ 3 เดือน และช่วยให้แนวโน้มหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้น ซึ่งปัจจัยบวกในหลายด้าน อาจผลักดันให้ดัชนีฯมีโอกาสขยับขึ้นไปแตะระดับ 1200 จุดได้
เพดานการทำกำไรจากหุ้น ก่อนหน้ามีอยู่ในขอบเขตที่จำกัดหรือช่องว่างการทำกำไรที่แคบมาก แต่ปัจจุบันเพดานเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น หุ้นตัวเล็กตัวใหญ่ไต่กันมายกแผลง และยังไม่มีสัญญาณเตือนภัยในความผันผวนที่ต้องระวัง
เพียงแต่นักลงทุนต่างชาติยังไม่กลับมาเท่านั้น แรงซื้อที่ขับเคลื่อนหุ้น จึงเป็นแรงซื้อจากนักลงทุนในประเทศ โดยผลัดกันซื้อระหว่างนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย แต่มีความหวังเล็ก ๆ ว่า นักลงทุนต่างชาติจะกลับมา เมื่อประเมินได้ว่า ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์มากน้อยเพียงใด
นักลงทุนในประเทศจึงยังเป็นกลุ่มหลักที่ชี้นำทิศทางตลาดอยู่ โดยแรงซื้อที่ไหลเข้ามา เนื่องจากมีความมั่นใจในสถานการณ์การลงทุนมากขึ้น มองโลกในเชิงบวก และมีความหวังจากปัจจัยกระตุ้นต่างๆ
อีกเพียง 50 จุด ดัชนี ฯ ก็จะตีฝ่าแนวต้านที่ 3 หรือระดับ 1200 จุดได้แล้ว ซึ่งแม้จะไม่มีปัจจัยลบที่ต้องระมัดระวัง แต่การที่วิ่งขึ้นมาม้วนเดียวประมาณ 100 จุด ถือเป็นการฟื้นที่ตัวที่รวดเร็ว จนทำให้การวิ่งไปต่อแรงไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะจะมีแรงขายทำกำไรเป็นระยะ โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนที่กังวลในความเสี่ยง และตลาดหุ้นที่อยู่ในภาวะปลอดโปร่ง ก็เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หรือช่วงขยายเวลาการเก็บภาษี 36% ของสหรัฐเท่านั้น
ผ่านพ้นช่วง 90 วัน ไม่รู้ว่า จะเจรจาต่อรองขอลดภาษีได้เท่าไหร่ และผลกระทบจะต้องประเมินกันอีกครั้งหลังสรุปผลการเจรจาต่อรอง
แนวโน้มหุ้นระยะสั้นอาจกระเตื้องขึ้น แต่ระยะยาวยังมีความไม่แน่นอน และมีความเสี่ยงในความผันผวนอยู่
ช่วงหุ้นขึ้น จึงเป็นช่วงเวลาที่ดี ในการหาจังหวะขายทำกำไร ระบายความเสี่ยงออกไปบ้าง เพราะรอบนี้ จุดสูงสุดของหุ้น ไม่น่าจะไกลกว่า 1200 จุด