ช่วงก่อนและหลังเทศกาลสงกรานต์ หุ้นที่ร้อนแรงที่สุด คงไม่มีตัวไหนโดดเด่นเกินกว่าหุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เพราะราคาพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง และขยับปรับตัวขึ้น 100% ในช่วง 5 วันทำการ
SABUY อยู่ในช่วงขาลงเต็มตัวมาหลายปี โดยราคาหุ้นเคยขยับขึ้นสูงสุดทะลุ 30 บาท ก่อนจะปรับฐานลง ขณะที่ผลประกอบการพลิกผัน จากที่มีผลกำไรและจ่ายเงินปันผลผู้ถือหุ้นได้ กลายเป็นขาดทุนในปี 2566 และขาดทุนหนักในปี 2567 จำนวน 6,328 ล้านบาท
นายชูเกียรติ รุจนพรพจี อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ SABUY ได้ลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคมปี 2567 พร้อมกับระบายเทขายหุ้นออก จนไม่ปรากฏรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน 10 อันดับรายแรกของผู้ถือหุ้นใหญ่
นายอิทธิชัย พูลวรลักษณ์ เข้ารับช่วงต่อในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 14.91% ของทุนจดทะเบียน SABUY แต่ไม่อาจกอบกู้สถานการณ์บริษัทที่กำลังย่ำแย่ได้
หนี้หุ้นกู้ SABUY 3 รุ่น วงเงินประมาณ 2.4 พันล้านบาท ต้องเลื่อนชำระดอกเบี้ยและการไถ่ถอนออกไป 3 ปี ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย CB กำหนดให้ซื้อขายหุ้นด้วยเงินสดหรือบัญชีแคชบาลานซ์
และเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา SABUY แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ ระบุถึงการฟ้องร้องทางแพ่งกับบริษัทแห่งหนึ่ง เรียกร้องให้ชำระหนี้คืน วงเงินประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งกู้ไปตั้งแต่ปี 2566 รวมทั้งฟ้องอดีตผู้บริหารบริษัทฯบางราย ที่สร้างความเสียหายให้ SABUY วงเงินประมาณ 17,002 ล้านบาท
ทั้ง 2 รายการที่ฟ้องรวมวงเงินประมาณ 2,600 ล้านบาท ถ้าได้คืน จะช่วยให้ SABUY มีรสภาพคล่องมากขึ้น แต่มีคำถามว่า วงเงินก้อนนี้จะทวงหรือเรียกคืนได้หรือไม่
SABUY ไม่ได้มีข่าวดีหรือปัจจัยหนุนอะไรเข้ามานานแล้ว และราคาหุ้นก็ถดถอยตามสถานการณ์บริษัท ฯ ที่มีปัญหาด้านฐานะการเงิน โดยราคาหุ้นในรอบ 12 เดือน เคยขึ้นไปสูงสุดที่ 2.54 บาท และลงมาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 20 สตางค์ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างชั่วโมง ซื้อขายวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา
แต่จากราคาปิดที่ 21 สตางค์ เมื่อวันที่ 9 เมษายน หุ้น SABUY ทะยานขึ้นต่อเนื่อง แม้สภาพตลาดหุ้นโดยรวมจะซบเซาก็ตาม โดยล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 18 เมษายน ราคาหุ้นขึ้นมาปิดที่ 41 สตางค์ ท่ามกลางมลค่าการซื้อขายที่หนาตาขึ้น
เพียงช่วง 5 วันทำการ จากราคา 21 สตางค์ SABUY พุ่งขึ้นมาปิดที่ 41 สตางค์ เพิ่มขึ้น 20 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 95.23% ซึ่งนับเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงที่สุดในช่วงเวลาเดียวกัน
ผู้ถือหุ้นรายย่อย SABUY มีจำนวนทั้งสิ้น 23,251 ราย ถือหุ้นสัดส่วนรวมกัน 49% ของทุนจดทะเบียน โดยแทบทั้งหมด ติดหุ้นต้นทุนสูง ขาดทุนหนักโดยถ้วนหน้า
แม้ราคาหุ้นจะลากขึ้นมาเฉียด 100% ใน 5 วันทำการ แต่ราคาหุ้นยังห่างไกลจากต้นทุนของผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ติดหุ้นไว้
ทำไมหุ้น SABUY จึงฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพราะข่าวดีที่หนุนราคาไม่มี คำถามต่อไปคือ มีใครลากหุ้นหรือไม่ และรอบนี้จะลากไปถึงเท่าไหร่ ซึ่งคงหาคำตอบไม่ได้
ดังนั้น นักเก็งกำไรที่จะโดดตามแห่เข้าไปลุยหุ้น SABUY ต้องระวังความเสี่ยง เพราะแม้ราคาหุ้นจะรูดมาติดดิน แต่ก็ยังไม่มีข่าวดีสำหรับหุ้นตัวนี้
ตามแห่เก็งกำไร SABUY จึงมีโอกาสพลาดเจ็บตัวได้
