ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ชี้สภาพแวดล้อมทางการเงินเปลี่ยนไป หนุนทบทวนกฎคริปโตสำหรับธนาคาร หวังลดข้อจำกัดโดยไม่ลดความปลอดภัย ขณะเดียวกันยังสนับสนุนกฎหมาย Stablecoin ฉบับใหม่ที่กำลังเดินหน้าในสภาคองเกรส หวังวางกรอบใช้งานอย่างปลอดภัยในชีวิตประจำวัน
เอเยนซี่-เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณเปลี่ยนท่าทีต่อกฎระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัล โดยระบุว่า “ถึงเวลา” ที่หน่วยงานรัฐควรผ่อนปรนแนวทางการกำกับดูแลสำหรับธนาคารที่เกี่ยวข้องกับคริปโต หลังจากที่เคยตั้งกำแพงไว้สูงจากบทเรียนในอดีต
พาวเวลล์กล่าวในเวทีสัมมนา The Economic Club of Chicago เมื่อวันที่ 16 เมษายน ว่า แนวทางก่อนหน้านี้ถูกวางไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยง หลังจากมีกรณีล้มเหลวของแพลตฟอร์มคริปโตในอดีต แต่ปัจจุบันบริบทของตลาดและเทคโนโลยีได้เปลี่ยนไปแล้ว
“เราระมัดระวังมาโดยตลอดในการเปิดทางให้ธนาคารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล เช่นเดียวกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ แต่ตอนนี้ เรากำลังมองหาวิธีบรรเทาข้อจำกัดเหล่านั้น ในขณะที่ยังคงคุ้มครองระบบธนาคาร”
เขาย้ำว่า การเปิดทางดังกล่าวไม่ใช่การลดการควบคุมแบบปล่อยปละละเลย แต่เป็นการ “เปิดพื้นที่” ให้ธนาคารสามารถนำนวัตกรรมมาใช้ภายใต้กรอบที่รัดกุม
ขณะที่แนวโน้มใหม่นี้ยังสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่งรับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งได้เริ่มต้นทบทวนนโยบายด้านคริปโตเพื่อให้สถาบันการเงินสามารถให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยไม่ต้องรอใบอนุญาตเป็นรายกรณี
กฎหมาย Stablecoin กำลังมา
พาวเวลล์ยังได้กล่าวถึงการพัฒนาด้านกฎหมายที่กำลังเดินหน้าในรัฐสภาสหรัฐฯ โดยทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรได้ผลักดันร่างกฎหมายเกี่ยวกับ “Stablecoin” หรือเหรียญดิจิทัลที่มีเสถียรภาพ ผ่านชั้นคณะกรรมการแล้ว
ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ระบุชัดว่า ต้องการให้ร่างกฎหมายนี้พร้อมสำหรับการลงนามให้เร็วที่สุด
“ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้อาจกลายเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ต้องมีกรอบกำกับที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองอย่างแท้จริง” พาวเวลล์กล่าว
ก่อนหน้านี้ แม้จะมีการหารือเรื่องกฎหมาย Stablecoin หลายครั้ง แต่ยังไม่สามารถผลักดันให้เกิดเป็นกฎหมายที่ใช้ได้จริง อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ดูเหมือนว่าทั้งสองสภาจะมี “แรงผลักดันร่วมกัน” ที่เข้มแข็งกว่าเดิม ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐฯ เองก็แสดงท่าทีสนับสนุน
แนวทางกำกับดูแลธนาคารอาจเปลี่ยน
เมื่อถูกถามถึงนโยบายการกำกับดูแลธนาคารที่ให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล พาวเวลล์ยอมรับว่าแนวทางในปัจจุบันอาจต้องถูกพิจารณาใหม่ โดยเฉพาะในบริบทที่หลายธนาคารเริ่มให้บริการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล (custody services) ภายใต้กรอบที่มีอยู่
“เราอยากส่งเสริมนวัตกรรม แต่อย่างรอบคอบ ไม่ใช่การเสี่ยงกับความมั่นคงของระบบธนาคารหรือลูกค้า” พาวเวลล์ กล่าว
อย่างไรก็ดีเขาเชื่อว่าหากธนาคารและหน่วยงานกำกับมีความเข้าใจที่ถ่องแท้ในเทคโนโลยี และบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม ก็สามารถให้บริการด้านคริปโตได้อย่างปลอดภัย
Stablecoin โอนเงินเกือบ 14 ล้านล้านดอลลาร์ในปีเดียว
ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า Stablecoin ถูกใช้โอนเงินรวมเกือบ 14 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในระบบการเงินโลก
อย่างไรก็ตามยังไม่มีกฎหมายกลางระดับชาติ ที่ใช้ควบคุม Stablecoin โดยตรงในสหรัฐฯ แม้จะมีร่างกฎหมายสำคัญอย่าง GENIUS Act และ STABLE Act ที่ถูกเสนอเพื่อปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย
ทั้งนี้คำกล่าวของพาวเวลล์ในครั้งนี้จึงสะท้อนชัดว่า ธนาคารกลางพร้อมเดินหน้าร่วมมือกับรัฐสภา เพื่อออกแบบกฎหมายที่สามารถ “เปิดทางให้นวัตกรรมเติบโต” โดยยังไม่ทิ้งหลักความปลอดภัยที่เป็นหัวใจของระบบการเงิน