xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้กำไรไตรมาสแรก1.6พันล.ลดลง5.2%-สินเชื่อ-รายได้ดอกเบี้ยยังชะลอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กลุ่มทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)(TISCO) แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 มีกำไรสุทธิจำนวน 1,643 ล้านบาท ลดลง 5.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1,733 ล้านบาท โดยสาเหตุจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลงร้อยละ 2.0 ผลจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และการลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ประกอบกับสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 0.7 ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เพื่อรองรับการเติบโตของสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูง ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4จากการเติบโตของรายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุนที่ร้อยละ 10.3 รายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จากการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของบล.ทิสโก้ และกำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL)ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้รับผลกระทบจากตลาดรถยนต์ในประเทศที่ยังคงอ่อนแอ ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมนายหน้าประกันภัยยังไม่ฟื้นตัว ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงร้อยละ 0.9 จากการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2567 กำไรสุทธิของบริษัทลดลงจำนวน 58.43 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 เป็นผลมาจากรายได้รวมที่อ่อนตัวลงร้อยละ 2.5 และค่าใช้จ่ายสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.6 มาเป็นร้อยละ 0.7 ของสินเชื่อเฉลี่ย โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงร้อยละ 2.1 จากไตรมาสก่อนหน้า ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยชะลอตัวลงร้อยละ 3.3จากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากธุรกิจนายหน้าประกันภัยอ่อนตัวลงตามฤดูกาลและผลจากยอดขายรถยนต์ที่ยังคงอ่อนแออีกทั้งบริษัทมีการรับรู้ค่าธรรมเนียมตามผลประกอบการของธุรกิจจัดการกองทุน (Performance Fee) ไปในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนปรับตัวดีขึ้น ทั้งธรุกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และกำไรจากพอร์ตเงินลงทุน

ด้านเงินให้สินเชื่อของบริษัท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 มีจำนวน 231,190.32 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.4 จากสิ้นปี 2567 จากการชะลอตัวของสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขณะที่สินเชื่อธุรกิจบริษัทมีสินเชื่อธุรกิจจำนวน 62,143.33 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 1.3จากสิ้นปีก่อนหน้า

สำหรับโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” กลุ่มทิสโก้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและลูกหนี้ SMEs เฉพาะกลุ่ม ผ่านมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและลดภาระดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาภาระหนี้ให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้ ลูกหนี้ที่ผ่านเกณฑ์เข้าร่วมมาตรการของกลุ่มทิสโก้มีจำนวนประมาณ 13,700 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 6 ของสินเชื่อรวม ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 มีลูกหนี้ลงทะเบียนเข้ามาตรการจำนวนประมาณ 4,300 ล้านบาทหรือร้อยละ 32 ของลูกหนี้ที่ผ่านเกณฑ์ และมีลูกหนี้ที่ปรับโครงสร้างสำเร็จจำนวน 2,600 ล้านบาท

และคุณภาพสินทรัพย์และค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPLs) มีจำนวน 5,591.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3จากสิ้นปี 2567และคิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ที่ร้อยละ 2.42ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.35ในปี 2567 เป็นไปตามแผนการเติบโตสินเชื่อในกลุ่มที่มีอัตราผลตอบแทนในระดับสูง ประกอบกับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง ทั้งนี้ บริษัทยังคงดำเนินนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง รวมถึงนโยบายการบริหารความเสี่ยงและการตั้งสำรองที่รัดกุม โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 บริษัทมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นรวมจำนวน 8,600.48 ล้านบาท และมีระดับค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) อยู่ที่ร้อยละ 153.8
กำลังโหลดความคิดเห็น