xs
xsm
sm
md
lg

“พิชัย” ถกผู้ว่าฯ ธปท.เตรียมมาตราการรับมือภาษีทรัมป์ ยันไม่แทรกแทรงค่าบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นัดประชุม “เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ” ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย รับมือภาษีทรัมป์ เห็นตรงกันเรื่องความไม่แน่นอนของตลาดโลกและไทยมีสูง เตรียมมาตราการรองรับ โดยเฉพาะสภาพคล่อง อาจจะส่งผลกระทบทางอ้อมไปยังตบลาดเงินตลาดทุน ยันต้องทำงานใกล้ชิตกันมากขึ้น หารือกันบ่อยขึ้น เชื่อคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ที่จะประชุมกันสัปดาห์หน้า จะนำข้อมูลถึงความผันผวนตลาดโลกและทิศทางอัราดอกเบี้ยของทั่วโลกเข้าไปพิจารณา ย้ำคลังไม่แทรแทรงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของธปท.

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมร่วมกับ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ น.ส.สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน และนางสาวพิมพ์พันธ์ เจริญขวัญ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท. โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกฯ ในฐานะประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมหารือและรับฟังข้อมูลการเจรจากับสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาผลกระทบต่างๆในทุกมุมทุกด้าน เพื่อเตรียมพร้อมในการเจรจา เป็นการรับฟังการติดตามความคืบหน้าผลกระทบต่างๆที่ให้แนวการเจรจาไปบ้างแล้ว ซึ่งยังไม่ได้ข้อมสรุปในวันนี้ จึงได้มาติดตามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าวต่อไปจนถึงวันเจารจา เนื่องจากสถานการณ์ยังสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา โยไทยได้เน้นการปรับการค้า การนำเข้า การส่งออก กติกาที่เปลี่ยนไป ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน เฉพาะในเรื่องของตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรและเรื่องค่าเงิน เป็นไปทิศทางที่คาดเดาได้ลำบาก


“วันนี้นั่งพูดคุยกันว่าจะมีกรณีใดเกิดขึ้นกับประเทศไทยบ้าง เนื่องจากเป็นสิ่งที่จะกระทบกับภาคธุรกิจและภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะผู้ส่งออก ดังนั้นจะต้องหามาตรการที่เหมาะสมและวางแนวทางในการรับมือกรณีที่ร้ายแรงด้วย เพราะเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นมีผลต่อผู้ส่งออก ซึ่งการส่งออกคงชะลอลง และมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน และหนี้ที่ครบกำหนดชำระรวมถึงการนำเข้า สิ่งต่างๆเหล่านี้ ปัญหาที่ตรงกันคือ เรื่องของสภาพคล่อง ดังนั้นจึงยังไม่ได้ข้อยุติ ว่าจะดำเนินมาตรการใด และคงต้องติดตามต่อไป ขณะนี้คงบอกไม่ได้จะหยิบมาตรการไหนมาดูแลดี ซึ่งมาตรการต่างๆที่ผ่านมาได้ทำไว้แล้วจำนวนมาก ดังนั้นสิ่งที่จะต้องทำแน่นอนคือ ต้องทำงานร่วมกันใกล้ชิดมากขึ้น แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และต้องพบป่ะหารือกันบ่อยขึ้น เพื่อดูว่าเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป มีอะไรบ้างกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน เพื่อหามาตรการชัดเจนและมากำหนดร่วมกันที่จะแก้ไข”รองนายกฯและรมต.คลังกล่าว

ธนาคารแห่งประเทศไทย จะติดตามสถานการณ์ตลาดโลกอย่างใกล้ชิต ทั้งเรื่องดอกเบี้ย อัตราการแลกเปลี่ยน และปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่อง เพื่อนำข้อมูลมาประกอบในการเสนอมาตรการต่างๆ เรื่องดอกเบี้ยจะมีส่วนช่วยเรื่องสภาพคล่องนั้น เป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จะมีการประชุมกันในอีกสัปดาห์หน้า เชื่อว่ากนง.คงจะนำข้อมูลจากทั่วโลกและของประเทศไทยเข้ามาพิจารณาประกอบ ซึ่งยังไม่ควรที่จะพูดเรื่องทิศทางดอกเบี้ยในขณะนี้

“ตลาดเงินของไทยค่อนข้างนิ่ง เพราะมีลักษณะไม่เหมือนประเทศอื่น คือไม่มีเงินกองทุน แต่ไทยเราเอาเงินรวม มีศูนย์กลางการบริหารที่ธปท. ส่วนวิธีการบริหารก็ไม่หวือหวา ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยก็ยังไม่ได้ขายดอลลาร์ออกไป แปลว่ายังคงมีความเชื่อมั่นต่อสหรัฐ ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนมีการเคลื่อนไหวเปนไปตามภูมิภาค ซึ่งคลังไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงิน “


กำลังโหลดความคิดเห็น