แม้เอลซัลวาดอร์จะเป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศใช้บิทคอยน์เป็นเงินถูกกฎหมาย แต่สถิติจากธนาคารกลางเผย ผู้ให้บริการที่จดทะเบียนกลับเปิดให้บริการจริงเพียงหยิบมือ โดยส่วนใหญ่ไม่ผ่านเกณฑ์ด้าน AML และไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ขณะที่แรงกดดันจาก IMF อาจผลักประเทศให้ถอยหลังจากโลกคริปโต
ธนาคารกลางเอลซัลวาดอร์เปิดเผยว่า จากผู้ให้บริการบิทคอยน์ทั้งหมด 181 รายที่ลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ มีเพียง 20 ราย หรือคิดเป็นเพียง 11% เท่านั้นที่ยังคงเปิดดำเนินงานจริง ขณะที่ผู้ให้บริการรายอื่นๆ ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "ไม่ได้เปิดดำเนินการ" เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดหลักภายใต้กฎหมายบิทคอยน์ของประเทศ
รายงานจากสำนักข่าวท้องถิ่น El Mundo ระบุว่า ผู้ให้บริการจำนวนไม่น้อยไม่ผ่านเกณฑ์สำคัญ เช่น การจัดทำโปรแกรมป้องกันการฟอกเงิน (AML) การบันทึกทรัพย์สินและหนี้สินของบริษัทอย่างโปร่งใส และระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เหมาะสมกับลักษณะของบริการคริปโต
ทั้งนี้กฎหมายบิทคอยน์ของเอลซัลวาดอร์ได้กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องมีระบบกำกับดูแลทางการเงินที่เข้มงวด รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลสินทรัพย์และภาระผูกพันทางการเงินของตนอย่างชัดเจน
แม้บริษัทส่วนใหญ่จะไม่สามารถผ่านเกณฑ์ได้ แต่ยังมีบางบริษัทที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดได้ครบถ้วน เช่น Chivo Wallet ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ, Crypto Trading & Investment และ Fintech Américas
ทั้งนี้เอลซัลวาดอร์กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศให้บิทคอยน์ เป็นเงินตราใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในปี 2564 โดยใช้ควบคู่กับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Nayib Bukele ที่ผลักดันนโยบายคริปโตอย่างเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดบ่งชี้ถึงแรงเสียดทานทางนโยบาย เมื่อเอลซัลวาดอร์ลงนามในข้อตกลงเงินกู้มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งมีเงื่อนไขจำกัดการใช้งานบิทคอยน์ ในภาครัฐ เช่น การจ่ายภาษีต้องทำเป็นดอลลาร์ และหน่วยงานรัฐจะไม่ใช้บิทคอยน์ในการทำธุรกรรมหลัก
เมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา IMF ได้เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดซื้อบิทคอยน์ในภาครัฐโดยทันที แต่ Bukele ยืนกรานจะเดินหน้าซื้อต่อ ซึ่งอาจทำให้เกิดความขัดแย้งกับข้อตกลงเงินกู้ฉบับดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน มีการตั้งข้อสังเกตว่า เอลซัลวาดอร์อาจต้อง “ถอยหลัง” จากการให้สถานะบิทคอยน์เป็นเงินถูกกฎหมาย โดย John Dennehy นักรณรงค์และผู้ให้ความรู้ด้านบิทคอยน์ ที่อาศัยอยู่ในประเทศ กล่าวในรายการ X Space ของ Cointelegraph ว่ากฎหมายถอยกลับที่อาจเพิกถอนสถานะทางกฎหมายของบิทคอยน์อาจมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 30 เมษายนนี้