ในขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อ-ขายต่อปี 300,000 – 400,000ล้านบาท และเป็นตลาดที่มีบริษัทพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติก้าวเข้ามาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในแต่ละปีนับพันโครงการ จึงนับได้ว่าเป็นธุรกิจที่มีความคึกคักมาก ๆ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวดี ต่างกับตลาดบ้านสร้างเอง ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงถึง 220,000 ล้านบาทต่อปี แต่กลับได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการสร้างบ้านมืออาชีพน้อยมาก
ทำให้นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตลาดบ้านสร้างเองยังคงมีผู้รับเหมาก่อสร้างรายย่อย และบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เป็นกลุ่มหลักที่ถือครองแชร์ตลาดนี้ โดยกินแชร์อยู่กว่า 80-90% สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจาก บ้านสร้างเองนั้นมีปัญหาในขั้นการดำเนินงานเยอะ ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนทำได้ยาก โดยเฉพาะราคาวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากวอรูมที่ผู้รับเหมาก่อ สร้างมีไม่มาก ทำให้ต่อรองราคาวัสดุได้น้อย ค่าแรงงานก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบริหารจัดการได้ยาก
ที่สำคัญลูกค้าในตลาดบ้านสร้างเองนั้นเป็นกลุ่มที่ตั้งงบในการสร้างบ้านไว้ต่ำ โดยเฉลี่ยแล้วการสร้างบ้านต่อหลังจะมีงบประมาณการก่อสร้าง 1-2 ล้านบาททำให้ตลาดบ้านสร้างเองมีอัตราการขยายตัวต่ำ จึงไม่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอสังหาฯ กระทั่งเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา เกิดการรวมตัวของบริษัทสร้างบ้านมืออาชีพ ซึ่งนำสัญญาก่อสร้างมาตรฐานเข้ามาใช้ในการให้บริการลูกค้าเพื่อการันตี งานก่อสร้างว่าแล้วเสร็จตามกำหนด ได้มาตรฐาน และได้บ้านตรงตามแบบที่มีการตกลงกันไว้ ภายใต้ชื่อ “ธุรกิจรับสร้างบ้าน”
รูปแบบการดำเนินการดังกล่าวได้สร้างเกิดความเชื่อมั่นในกลุ่มลูกค้า และส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านมีอัตตราการขยายตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยการเติบโตดังกล่าวเป็นการเติบโตในรูปแบบของการเข้าไปแชร์ส่วนแบงตลาดของ บริษัทรับเหมาก่อสร้างและผู้รับเหมารายย่อย ขณะเดียวกันด้วยการพัฒนาแบบบ้านที่หลากหลาย และการเปิดให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการออกแบบบ้าน ทำให้ลูกค้าพร้อมจะจ่ายและเพิ่มงบประมาณในการสร้างบ้านมากขึ้น
แนวโน้มดังกล่าวทำให้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาตลาดรับสร้างบ้านมีอัตราการชขยายตัวที่ดีขึ้น และมูลค่าการสร้างบ้านต่อหลังยังเพิ่มสูงขขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ในช่วง 20 ปีก่อนราคาสร้างบ้านต่อหลังอยู่ที่ 1-2 ล้านบาท ขยับขึ้นมาเป็น 3-5 ล้านบาท จนในปัจจุบันราคาสร้างบ้านต่อหลังเฉลี่ยอยู่ที่ 5-7 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่างบประมาณในการสร้างบ้านจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดหลักของบริษัทรับสร้างบ้านในปัจจุบัน คือกลุ่มบ้านระดับราคา 5-10 ล้านบาท
การไต่ระดับของราคาบ้านสร้างเองในปัจจุบันทำให้ผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ให้ความสนใจก้าวเข้ามาทำตลาดในช่วงที่ผ่านมา โดย เอสซีจีไฮม์ในเครือSCG นับเป็นรายแรก ๆ ที่เข้ามาจับตลาดรับสร้างบ้านระดับบนเริ่มต้น10ล้านบาทโดยก่อนหน้านี้ในปี 65 บริษัท ดี-แลนด์กรุ๊ป จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำในเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ พระราม2 เป็นอีกรายที่ได้แตกไลน์ธุรกิจเข้าสู่ตลาดรับสร้างบ้าน หลังเห็นสัญญาณภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ขณะที่กลุ่มพฤกษา โฮลดิ้ง ก็เป็นอีกรายที่ได้แตกบริษัทลูกเพื่อขยายธุรกิจไปยังตลาดรับสร้างบ้านอย่างจริงจัง ภายใต้ชื่อ “อินโนโฮม คอนสตรัคชัน” โดยมุ่งเน้นการให้บริการกับลูกค้ารายย่อยในระดับราคา 10-30 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัทอสังหาฯรายใหญ่ไม่ว่าจะเป็น บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เพื่อหวังจะเติมเต็มธุรกิจอสังหาฯ ขณะที่ บมจ.แสนสิริ ก็เป็นอีกรายที่เปิดตัวบริการรับสร้างบ้านภายใต้ชื่อ “Crafted by Sansiri”ที่มีทั้งบ้านในสไตล์แสนสิริ
รวมถึงการใช้วัสดุพรีคาสท์ในการก่อสร้าง ซึ่งช่วยให้กระบวนการก่อสร้างบ้านเป็นไปอย่างรวดเร็วตามมาตรฐานแสนสิริ ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าปัจจุบันที่อยากสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเอง
โดย “แสนสิริ” ยังมุ่งเน้นการให้บริการที่ครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ การขอสินเชื่อ ไปจนถึงการก่อสร้างและบริการหลังการขาย
ซึ่งได้จัดเตรียมบริการครบทุกขั้นตอนเพื่อรองรับทั้งลูกค้าที่มีที่ดินและชื่นชอบดีไซน์ของแสนสิริ และผู้ประกอบการอสังหาฯรายย่อยที่ต้องการสร้างบ้านจำนวนไม่มาก โดยมี14 ซีรีส์84 แบบบ้าน ตอบโจทย์ลูกค้าตามความต้องการเฉพาะตัว โดยได้เปิดตัวในงานมหกรรมบ้านและคอนโดที่ผ่านมา
ส.ไทยรับสร้างบ้านเชื่อรายใหญ่เข้าตลาดไม่กระทบ
นายนิรัญ โพธิ์ศรี นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวแสดงความเห็นต่อกรณีการออกมาประกาศรุกตลาดรับสร้างบ้าน
ของ ดีเวลลอปเปอร์รายใหญ่หลาย ๆ ค่ายนั้น ไม่น่ากระทบกับผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายเดิมเพราะคนละตลาดกัน ตนมองว่าเป้าหมายคงจะรับสร้างบ้านให้กับลูกค้า เฉพาะในที่ดินของโครงการเป็นหลัก มิใช่เป็นการรับสร้างบ้านบนที่ดินลูกค้าทั่วไปตามตรอกซอกซอย ที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์ส่วนใหญ่จะสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย แต่ด้วยสถานการณ์ที่เผชิญกับกำลังซื้อผู้บริโภคและยอดขายที่ลดลงแรง กอปรกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความต้องการหลากหลาย แนวคิด “บ้านสั่งสร้าง” จึงถูกนำมาปัดฝุ่นเพื่อลดความเสี่ยงและรองรับความต้องการของผู้บริโภค การประกาศรุกตลาดรับสร้างบ้านเป็นเพียงสีสันทางการตลาดมากกว่า
“สำหรับ กรณีเกิดแผ่นดินไหวและเกิดการถล่มของการก่อสร้างอาคารสูง รวมถึงคอนโดมิเนียมหลายแห่งเกิดการสั่นไหวรุนแรงและได้รับความเสียหายนั้น มีโอกาสและความเป็นไปได้สูงที่ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่กำลังคิดจะมีที่อยู่อาศัยใหม่ จากเดิมอาจสนใจจะเลือกซื้อคอนโดมิเนียมในเมือง แต่เมื่อประสบกับสถานการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ก็เกิดความวิตกกังวล และเปลี่ยนใจหันมาเลือกที่อยู่อาศัยแนวราบแทน แน่นอนว่า “รับสร้างบ้าน” เป็นทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภคเช่นกัน โดยเฉพาะการเลือกสร้างบ้านบนที่ดินของตัวเองหรือของพ่อแม่ที่มีอยู่แล้วในต่างจังหวัด ด้วยเพราะการทำงานในปัจจุบันของคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่สามารถทำงานที่ใดก็ได้ สังเกตจากข่าวผู้ประสบภัยประชาชนจำนวนไม่น้อยนั่งทำงานอยู่บนคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยของตัวเอง
อย่างไรก็ดีความตกใจหรือกังวลนี้อาจเป็นแค่ระยะสั้น ๆ ในช่วง1-2 ปี เมื่อเวลาผ่านไปความวิตกกังวลก็คงคลายลงและกลับสู่ภาวะปกติ”
ในส่วนของภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านไตรมาสแรก พบว่าบรรดาผู้ประกอบการรายใหญ่-รายเล็กต่างออกมาจัดกิจกรรมการตลาดและแข่งขันกันอย่างคึกคัก ผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์หลากหลายรูปแบบที่จัดโปรโมชัน ลด แจก
แถม หวังกระตุ้นกำลังซื้อและการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่กลับพบว่าความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคไม่คึกคักเท่าที่ควร
เพราะส่วนใหญ่ยังคงชะลอการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปอีกระยะหนึ่ง ทำให้สถานการณ์การแข่งขันในไตรมาส2 นี้มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งมีผู้ประกอบการรับสร้างบ้านรายใหญ่-รายเล็กแข่งขันกันอยู่จำนวนมาก
ระบุลูกค้าไม่นิยมโครงสร้างสำเร็จรูป แต่จะชอบโครงสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูน
ด้านนายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านกล่าวว่า จากการที่ดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ที่เข้ามาเป็นผู้เล่นเพิ่มในตลาดรับสร้างบ้านอาจจะมีความได้เปรียบในบางเรื่อง แต่ก็ยังมีความแตกต่างจากการให้บริการของบริษัทรับสร้างบ้านในบางเรื่องเช่นกัน
“การที่ดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ที่เข้ามาเป็นผู้เล่นเพิ่มในตลาดรับสร้างบ้าน จะมีความได้เปรียบในเรื่องของแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จัก
และความรวดเร็วในกระบวนการก่อสร้าง เนื่องจากทั้ง2 ราย มีโรงงานพีคาส์เป็นของตนเอง อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการรับสร้างบ้านจะมีความแตกต่างจากลูกค้าบ้านจัดสรร คือไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของความรวดเร็วเป็นหลัก แต่จะให้ความสำคัญในเรื่องของคุณภาพมากกว่า และส่วนใหญ่ก็จะไม่นิยมโครงสร้างสำเร็จรูป แต่จะชอบโครงสร้างแบบก่ออิฐฉาบปูนแบบดั้งเดิม รวมไปจนถึงการให้บริการ ซึ่งความแตกต่างคือการบริการของบริษัทรับสร้างบ้านจะใช้สถาปนิกและวิศวกรดูแลด้านการออกแบบและให้คำปรึกษาตลอดตั้งแต่ต้นจนสร้างบ้านเสร็จ แต่ดีเวลล็อปเปอร์จะใช้พนักงานขายกับวิศวกรให้บริการ ขณะที่บริษัทรับสร้างบ้านจะมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการการรับสร้างบ้านหลายๆ พื้นที่ในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ดีเวลล็อปเปอร์จะเชี่ยวชาญสร้างบ้านหลายหลังในพื้นที่เดียว และอาจจะมีแบบบ้านรองรับความต้องการของลูกค้าได้น้อยกว่า”นายอนันต์กร กล่าว
นายอนันต์กรกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “แม้ดีเวลล็อปเปอร์ที่ลงมาเล่นในตลาดจะมีความได้เปรียบในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ได้มองว่าเขาจะมาชิงเค้กก้อน 10,000 ล้านบาทจากเรา แต่จะไปชิงเค้กก้อน 210,000 ล้านบาทในส่วนของผู้รับเหมามากกว่า เพราะเค้ามาแข่งเรื่องความเร็วและมีแบบบ้านมาตรฐาน แต่หากจะแข่งขันด้านราคา ซึ่งตอนนี้เราไม่แน่ใจว่าเขาจะมาในราคาไหน หากลงมาเล่นในระดับราคา30,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไปเราคงไม่สะเทือน แต่หากลงมาเล่นในราคา15,000 บาท/ตร.ม.ก็อาจจะสะเทือน
สำหรับบริษัทสมาชิกที่รับสร้างบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท และหากมาเล่นในระดับราคา18,000 บาท/ตร.ม. ก็จะไปสะเทือนบริษัทสมาชิกที่รับสร้างบ้านราคาต่ำกว่า5 ล้านบาท ซึ่งสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านก็ควรจะปรับตัวเพื่อรับมือ
โดยดูว่าตนเองมีจุดเด่นในด้านใด และทำให้ลูกค้าเห็นถึงความแตกต่าง รวมทั้งต้องมีการพัฒนาสินค้าให้มีรูปแบบที่สวยงาม พัฒนาในเรื่องของคุณภาพ และการกำหนดราคาที่เหมาะสม ส่วนเรื่องแบรนด์ คงต้องทำทั้งสมาคม โดยการสร้างการรับรู้ให้สมาคมเป็นที่รู้จักมากขึ้น แม้ว่าสมาชิกบางรายจะมีแบรนด์ที่เข้มแข็งมากอยู่แล้ว”
“อย่างไรก็ตาม การที่มีดีเวลล็อปเปอร์ลงมาเป็นผู้เล่นในตลาดนี้ก็มีข้อดี เพราะดีเวลล็อปเปอร์ที่เข้ามาทำธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นดีเวลล็อปเปอร์รายใหญ่ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนั้นผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกมากขึ้น และทำให้ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านตื่นตัว เร่งสร้างจุดขายของตนเอง ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคเช่นกัน”นายอนันต์กร กล่าว.