SNNP ปลื้ม ตลท. เลือกเข้าคำนวณ SET 100 มีผลวันที่ 16 เม.ย.นี้ เชื่อส่งผลดีต่อบริษัทฯ หนุนกองทุนต่างชาติ-ในประเทศ ถือหุ้นเพิ่ม พร้อมตั้งเป้าปีนี้รายได้โต 10% ส่วนกำแพงภาษีทรัมป์ไม่กระทบ เหตุมีสัดส่วนในสหรัฐฯน้อย และมีลูกค้าอีก 35 ประเทศทั่วโลก เตรียมออกสินค้าใหม่ในเดือนพ.ค. โบรกฯ คาดกำไร Q1/68 โตต่อเนื่อง - GPM ฟื้นตัว
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP เปิดเผยว่า การได้เข้ามาคำนวณดัชนี SET100 ที่จะมีผลวันที่ 16 เม.ย.นี้ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อบริษัทฯ โดยเฉพาะกองทุนต่างชาติ กองทุนในประเทศให้เข้ามาถือหุ้นบริษัทฯ มากขึ้น ประกอบกับที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่การซื้อหุ้นคืนเป็นไม่เกิน 750 ล้านบาท หรือ ไม่เกิน 60 ล้านหุ้น ปัจจุบันมีการดำเนินโครงการซื้อหุ้นคืนไปแล้วมากกว่า 50%
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 68 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปี 67 ที่มีรายได้ 5,947.6 ล้านบาท และ มีกำไร 652.2 ล้านบาท โดยมาจากยอดขายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 75% และ ต่างประเทศ 25% ประกอบกับ บริษัทฯ มีแผนการออกสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบเครื่องดื่ม และ ขนมขบเคี้ยว
"ก่อนหน้านี้ บริษัทเปิดตัว Jele Chewy 3 รสชาติใหม่ ซึ่งพบว่า มีอัตราการบริโภคมากขึ้น โดยตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเยลลี่ที่บริษัทฯ มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 70% และ ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีแผนออกสินค้าเฉลี่ยแบรนด์ละ 1-2 SKUs ต่อปี และในเดือนพ.ค. นี้ บริษัทฯ มีแผนออกสินค้าใหม่ 1 SKUs รองรับการเข้าสู่ฤดูร้อน" นายวิโรจน์ กล่าว
ในขณะที่งบการตลาดปี 68 บริษัทฯ วางไว้ 3% ของยอดขาย ซึ่งเป็นอัตราใกล้เคียงเหมือนกับปีที่ผ่านมา
สำหรับสถานการณ์การขึ้นภาษีของสหรัฐฯ บริษัทฯ ยืนยันว่า ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากสหรัฐฯ 0.05% เท่านั้น ประกอบกับ บริษัทฯ มีการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศมากถึง 35 ประเทศทั่วโลก และ เน้นประเทศในกลุ่ม CLMV และ ในเอเซียเป็นหลัก ส่งผลให้มีรายได้รวมกันมากกว่า 70%
โบรกฯ คาดกำไร Q1/68 โตต่อเนื่อง - GPM ฟื้นตัว
ด้านบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรในไตรมาส 1/68 เบื้องต้น จะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง YoY หนุนจากธุรกิจในประเทศที่คาดเติบโตได้ต่อเนื่อง และ หนุนจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตลอดจนกำลังซื้อของผู้บริโภคที่สูงขึ้น รวมถึงการเริ่มออกสินค้าใหม่ และ ธุรกิจส่งออกคาดจะเห็นรายได้ที่กลับมาเติบโตมากขึ้นจากการรับรู้ผลของการปรับโครงสร้างการกระจายสินค้าในเวียดนามที่สิ้นสุดลง รวมถึงแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายรายที่ 3 ในฟิลิปปินส์หลังจากที่ถูกเลื่อนมาจากในไตรมาส 4/67
ในขณะที่ GPM คาดมีโอกาสฟื้นตัวทั้ง QoQ และ YoY จาก Product Mix โดยรวมของบริษัทที่ดีขึ้นจากการเติบโตของสัดส่วนรายได้จากธุรกิจส่งออกที่มีอัตรากำไรสูงกว่าธุรกิจในประเทศ