ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จุดไฟการค้าโลกอีกครั้งด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% พร้อมเลื่อนการเก็บภาษีจากประเทศอื่นออกไป 90 วัน เปิดช่องเจรจาแต่ไม่ลดท่าทีแข็งกร้าว ดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรง บิทคอยน์รับลูกหลังประกาศเซอร์ไพรส์ผ่าน Truth Social ฟื้นพุ่งขึ้นเกิน 5%
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้จุดกระแสถกเถียงในวงการเศรษฐกิจโลกทันที เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศผ่าน Truth Social ว่าสหรัฐฯ จะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 125% พร้อมยืดเวลาการขึ้นภาษีกับประเทศอื่น ๆ ออกไปอีก 90 วัน เพื่อเปิดโอกาสในการเจรจา
ตลาดการเงินตอบรับแรง
การประกาศดังกล่าวทำให้ตลาดโลกตอบสนองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิทคอยน์ที่พุ่งขึ้นทันที 5.6% สู่ระดับ 81,636 ดอลลาร์ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างคึกคัก ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นกว่า 5.5% และ Nasdaq พุ่งทะลุ 8%
เหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง
ทรัมป์ให้เหตุผลว่า จีน "ไม่เคารพกฎกติกาของตลาดโลก" และ "เอาเปรียบสหรัฐฯ มานานเกินไป" โดยกล่าวอย่างชัดเจนว่า "วันแห่งการโกงกินสหรัฐฯ ได้สิ้นสุดลงแล้ว"
เปิดช่องเจรจา เลื่อนภาษีอีก 90 วันให้ 75 ประเทศ
ขณะที่จีนเจอมาตรการภาษีที่หนักที่สุดของสหรัฐภายใต้การบริหารของนายทรัมป์ทันที ในทางกลับกันแม้จะแสดงท่าทีแข็งกร้าวอย่างรุนแรงต่อจีน แต่กลับเลือกชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอีกกว่า 75 ประเทศ ที่อยู่ในระหว่างการเจรจากับสหรัฐฯ ออกไปก่อน เป็นเวลาอย่างน้อย 90 วัน โดยระบุว่าประเทศเหล่านี้กำลังหารือเกี่ยวกับปัญหาทางการค้า อาทิ นโยบายสกุลเงินและอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี
ภาษีชั่วคราว 10% สำหรับชาติที่ร่วมโต๊ะเจรจา
ในช่วงเวลา 90 วันนี้ ทรัมป์ยังได้อนุมัติการจัดเก็บภาษีศุลกากรชั่วคราวในอัตรา 10% สำหรับประเทศที่ยอมเข้าร่วมเจรจา โดยยังไม่มีความชัดเจนว่าเมื่อครบกำหนด 90 วัน จะมีชาติใดถูกขึ้นภาษีเกินกว่า 10% หรือไม่
กดดันจีน เปิดทางชาติอื่น
แม้ข้อความของทรัมป์จะไม่ให้รายละเอียดชัดเจน แต่ก็แสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การกดดันจีน ในขณะที่ยังเว้นช่องว่างสำหรับพันธมิตรทางการค้าอื่น ๆ ให้เข้ามาเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการตอบโต้ที่รุนแรง
ทั่วโลกพุ่งเป้าไปที่จีนชี้กรอบเวลา 90 วันเดิมพันสงครามการค้า
ขณะนี้ แม้ตลาดจะตอบสนองเชิงบวก แต่สายตาทั่วโลกกำลังจับตาท่าทีของจีนว่าจะตอบโต้หรือยอมเปิดเจรจา และในช่วงเวลา 90 วันนี้ โลกจะเห็นจุดเปลี่ยนสำคัญในสมการการค้าระหว่างประเทศอีกครั้ง