xs
xsm
sm
md
lg

JTS...พังเพราะเหมืองบิทคอยน์ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ กลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของบริษัทจดทะเบียนไปแล้ว โดยล่าสุด บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ได้ประกาศแจ้งเลื่อนการไถ่ถอนหุ้นกู้วงเงิน 525.54 ล้านบาทที่จะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 8 เมษายน 2568 ออกไปก่อน

JTS ออกหุ้นกู้รวม 3 รุ่น วงเงินทั้งสิ้น 738.44 ล้านบาท โดยอีก 2 รุ่นจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2570 และ 2571 แต่หุ้นกู้รุ่นที่ 1 ซึ่งครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา

บริษัท ฯ อ้างว่า ภาวะตลาดตราสารหนี้ไม่เอื้อต่อการระดมทุนใหม่ ส่งผลให้ไม่สามารถออกหุ้นกู้ใหม่ เพื่อรีไฟแนนซ์หรือโรลโอเวอร์หุ้นกู้ที่ครบกำหนดได้

และความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา ทำให้บริษัทมีความจำเป็นต้องบริหารกระแสเงินสดไว้ จึงไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้วันที่ 8 เมษายน 2568 และถือเป็นเหตุผิดนัดชำระหนี้

แต่เพื่อแสดงความตั้งใจจริงว่า บริษัทจะชำระคืนหนี้หุ้นกู้ให้ผู้ถือหุ้นกู้ทุกรายจนครบถ้วน จึงจะชำระคืนเงินต้นบางส่วนคือ 140 บาท ต่อหุ้นกู้ 1 หน่วยมูลค่า 1000 บาท หรือ คืนเงินต้น 14% ของมูลค่าหุ้นกู้ 1 หน่วย รวมวงเงินชำระคืนเงินต้นหุ้นกู้รุ่นที่ 1 จำนวน 103.62 ล้านบาท ส่วนเงินต้นหุ้นกู้ส่วนที่เหลือ บริษัทจะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้รุ่น 1 เพื่อพิจารณาปรับเงื่อนไขชำระคืนต่อไป

การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ เป็นภาพสะท้อนถึงปัญหาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัทจดทะเบียน และบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศเลื่อนการไถ่ถอนหุ้นกู้ มักจะมีอันเป็นไป โดยนักลงทุนหมดความเชื่อมั่น มองบริษัทจดทะเบียนที่เบี้ยวหนี้ในแง่ร้าย และส่วนใหญ่ ต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ หรือล่มสลาย ถูกตลาดหลักทรัพย์ตะเพิดพ้นตลาดหุ้นในที่สุด

การประกาศผิดนัดชระหนี้หุ้นกู้ของ JTS ซึ่งเป็นข่าวร้าย และควรฉุดให้หุ้นดิ่งลง แต่ราคาหุ้นกลับพุ่งทะยานอย่างร้อนแรง สวนข่าวร้ายทันที โดยการซื้อขายวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับขึ้นมาปิดที่ 29.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.78 บาท หรือเพิ่มขึ้น 14.42% ชนเพดานสูงสุดตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์เพิ่งประเทศใช้ชั่วคราว โดยกำหนดราคาขึ้นลงสูงสุดของราคาหุ้นไม่เกิน 15% จากเดิมกำหนดเพดานขึ้นลงสูงสุดต่ำสุดไม่เกิน 30%

JTS เป็นหุ้นบริษัทลูกของ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS โดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 44.14% ของทุนจดทะเบียน และเคยสร้างประวัติศาสตร์ เป็นหุ้นปรับตัวขึ้นแรงที่สุดนับจากก่อตั้งตลาดหุ้น

โดยในปี 2564 ราคาพุ่งขึ้น 6,688% จากราคาปิดสิ้นปี 2563 ที่ 1.93บาท ทะยานขึ้นมาปิดที่ 131 บาท ในสิ้นปี 2564 และปี 2565 ก็ยังถูกลากขึ้นไปต่อจนพุ่งสู่จุดสูงสุดที่ 586 บาท เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2565 หรือปรับตัวขึ้นประมาณ 30,000% เมื่อเทียบกับจุดปิดสิ้นปี 2563

แต่หลังจากนั้น JTS ก็สิ้นลาย ราคาเดินทางกลับบ้านเก่า และลงมาต่ำสุดที่ 22.10 บาท ก่อนจะเริ่มกระเตื้องขึ้นมาใหม่

JTS มีประวัติอันโชกโชน ถูกตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้มาตรการกำกับการซื้อขาบนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่ม JAS ซึ่งมีการใช้ข้อมูลภายในหรืออินไซเดอร์เอาเปรียบนักลงทุนทั่วไปและการปั่นหุ้น โดยนายพิชญ์ โพธารามิค เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ JAS

ช่วงที่เปิดยุทธการลากหุ้น JTS อย่างเย้ยฟ้าท้าดิน ระหว่างปี 2564-2565 มีการโหนกระแสการตั้งเหมือนขุดบิทคอยน์ โดยเดือนธันวาคมปี 2564 คณะกรรมการ JTS มีมติตั้งเหมือนขุดบิทคอยน์ โดยจะถล่มเงินลงทุนประมาณ 3,300 ล้านบาท ตั้งเป้าปี 2567 มีเครื่องขุดบิทคอยน์ 50,000 เครื่อง

ไม่มีข่าวคราวเท่าไหร่ว่า การตั้งเหมืองขุดบิทคอยน์ของ JTS ประสบความสำเร็จเพียงใด และปัจจุบันมีจำนวนเครื่องขุดอยู่เท่าไหร่

แต่การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ เป็นสัญญาณเตือนภัยนักลงทุน สถานการณ์หุ้น JTS ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่

จะหนีออกก่อน ชิงขายหุ้นทิ้งหรือไม่ นักลงทุนที่ถือ JTS ไว้ต้องตัดสินใจกันเองละ








กำลังโหลดความคิดเห็น