สงครามภาษีปะทุ! ทรัมป์สั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนเป็น 104% สะเทือนตลาดทั่วโลก หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งแรง Bitcoin ทรุด 3% นักลงทุนโกลาหล หวั่นความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจฉุดความเชื่อมั่นระยะยาว
ตลาดการเงินสหรัฐฯ ผันผวนหนักเมื่อวันอังคาร หลังทำเนียบขาวยืนยันคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 104% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าโลกที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง
มาตรการภาษีดังกล่าวส่งแรงกระเพื่อมไปยังทั้งตลาดหุ้นและตลาดคริปโต ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ทรุดกว่า 2% ขณะที่ S&P 500 และ Dow Jones ร่วงมากกว่า 1% ก่อนตลาดปิดในวันเดียวกัน ส่วนราคาบิตคอยน์ (Bitcoin) ดิ่งลงทันที 3.15% จากแรงกดดันของนักลงทุนที่เร่งประเมินความเสี่ยงครั้งใหม่
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงเมื่อวันที่ 8 เมษายนว่า “ประเทศต่างๆ ที่เลือกตอบโต้ เช่น จีน กำลังเดินหมากพลาด เพราะทรัมป์จะไม่ถอย และยืนยันว่าจะแข็งกร้าวต่อการปกป้องแรงงานอเมริกัน”
เดิมทีจีนเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 34% ในวันพุธ ก่อนที่ทรัมป์จะตอบโต้ด้วยการปรับอัตราภาษีเป็น 50% และเดินหน้าขึ้นต่อเนื่องเป็น 104% หลังจีนปฏิเสธยกเลิกมาตรการภาษีตอบโต้
แรงสั่นสะเทือนทั่วกระดานเทรด
ไม่เพียงแต่คริปโตเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ความผันผวนในตลาดหุ้นครั้งนี้ยังจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนและนักเศรษฐศาสตร์จำนวนมาก ว่านโยบายของทรัมป์อาจผลักสหรัฐฯ ให้เข้าใกล้ภาวะถดถอย และยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของพันธมิตรทางยุทธศาสตร์อีกด้วย
ดัชนี S&P 500 ร่วงหลุดระดับสำคัญที่ 5,000 จุด อย่างเป็นทางการ ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังจากเพิ่งแตะใกล้ 5,300 จุดในช่วงก่อนหน้า
ทรัมป์ลั่น “นี่คือยาขมที่ต้องกิน”
ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวขณะที่โดยสารอยู่บนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันว่า “ผมไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น...แต่บางครั้งเราต้องกินยาขมเพื่อรักษาโรค” พร้อมย้ำว่านโยบายของเขาจะช่วยกระตุ้นการผลิตในประเทศ และลดการพึ่งพาสินค้าจากต่างชาติ
ทั้งนี้แม้ตลาดจะสั่นคลอน แต่ ริชาร์ด เทง ซีอีโอของไบแนนซ์ ยังมองเห็นโอกาสในวิกฤต โดยโพสต์ผ่าน X ว่า “สภาวะที่ไม่แน่นอนในโลกการเงินอาจเร่งให้เกิดการหันมาสนใจสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น โดยเฉพาะในฐานะเครื่องมือเก็บมูลค่าที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลใด”
เขาย้ำว่า ผู้ถือครองระยะยาวยังคงเชื่อมั่นในบิทคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ว่าจะสามารถยืนหยัดท่ามกลางแรงสั่นสะเทือนทางเศรษฐกิจได้
