มาตรการภาษีทรัมป์ฉุดต้นทุนขุดคริปโตในสหรัฐฯ พุ่ง ผู้ผลิตอาจหันขายเครื่องราคาถูกนอกประเทศ เปิดโอกาสให้นักขุดต่างชาติเก็บของถูก พร้อมผลักดันแฮชเรตพุ่งอีกระลอก ขณะความเชื่อมั่นในตลาดสหรัฐฯ สั่นคลอนอย่างหนัก
นโยบายภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่อผลกระทบลามถึงวงการเหมืองคริปโต โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอาจทำให้ราคาชุดขุดบิทคอยน์ภายในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้อุปกรณ์เหล่านี้มีราคาถูกลงในต่างประเทศ
จารัน เมลเลอร์รุด ซีอีโอของ Hashlabs Mining เปิดเผยในรายงานเมื่อ 8 เมษายนว่า ภาษีของทรัมป์อาจทำให้อุปสงค์เครื่องขุดในตลาดสหรัฐฯ ลดลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้ผลิตจะพยายามระบายสต๊อกสินค้าส่วนเกินที่เดิมทีตั้งใจจะขายให้ลูกค้าในสหรัฐฯ ด้วยราคาที่ถูกลงให้กับตลาดต่างประเทศ
“เมื่อราคาชุดขุดในสหรัฐฯ แพงขึ้น ก็อาจทำให้ราคาสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดอื่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพราะความต้องการส่งออกมายังสหรัฐฯ หายไปแทบหมด” เมลเลอรุดกล่าว
เขาเสริมว่า หากราคาชุดขุดถูกลงจริง ก็จะกระตุ้นให้นักขุดในประเทศอื่นเร่งขยายการดำเนินงาน ซึ่งอาจทำให้อัตราแฮช (Hash Rate) ของ Bitcoin ทั่วโลกเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
มาตรการภาษีของทรัมป์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 2 เมษายน โดยตั้งเป้าเก็บภาษีศุลกากรจากการนำเข้าสินค้าทุกชนิดจากแทบทุกประเทศทั่วโลก ทำให้ผู้ผลิตเครื่องขุดคริปโตหลายรายที่เคยหนีภาษีจากจีนไปตั้งโรงงานในประเทศอย่างไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย กลับมาเผชิญแรงกดดันอีกครั้ง โดยสามประเทศนี้ถูกเก็บภาษีในอัตรา 36%, 32% และ 24% ตามลำดับ
Bitmain, MicroBT และ Canaan เป็นตัวอย่างของผู้ผลิตเครื่องขุดรายใหญ่ที่ย้ายฐานการผลิตไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าจากจีนที่ทรัมป์เคยบังคับใช้ในปี 2561
เมลเลอรุดประเมินว่า การขึ้นภาษีล่าสุดอาจทำให้เครื่องขุดที่เคยมีราคา 1,000 ดอลลาร์ พุ่งขึ้นไปถึง 1,240 ดอลลาร์ในตลาดสหรัฐฯ ขณะที่ในยุโรป เช่น ฟินแลนด์ ยังคงไม่มีภาษีนำเข้า ทำให้ต้นทุนยังเท่าเดิม
“ในอุตสาหกรรมที่ต้นทุนคือทุกสิ่งอย่างเพื่อการขุดบิทคอยน์ ซึ่งการขึ้นราคาถึง 22% อาจทำให้กิจการไม่คุ้มทุน” เขาเน้นย้ำ
เมลเลอรุดยังเตือนว่า แม้ภาษีศุลกากรเหล่านี้จะถูกยกเลิกในเวลาไม่นาน แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว “ความเชื่อมั่นในการวางแผนระยะยาวถูกกระทบอย่างหนัก ไม่มีใครอยากทุ่มเงินลงทุนถ้ารู้ว่านโยบายสามารถเปลี่ยนได้ข้ามคืน”
ก่อนหน้านี้ นักลงทุนในสหรัฐฯ เคยมีความหวังว่าเมื่อทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวจะมีเสถียรภาพทางกฎระเบียบมากขึ้น แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเจอกับอีกด้านของเหรียญ จากนโยบายที่พลิกไปพลิกมาอย่างคาดเดาไม่ได้
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีส่วนแบ่งแฮชเรตของบิทคอยน์เกือบ 40% ทว่าเส้นทางการเติบโตต่อจากนี้กลับเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เมลเลอรุดเชื่อว่าการขยายฐานการขุดในสหรัฐฯ อาจชะลอลง และบางส่วนของแฮชเรตอาจไหลไปสู่ภูมิภาคอื่นแทน
ล่าสุด ราคาของบิทคอยน์ลดลง 4% ภายใน 24 ชั่วโมง เหลือ 76,470 ดอลลาร์ ข้อมูลจาก CoinGecko ระบุว่า ตอนนี้ BTC ร่วงลงมาแล้วกว่า 30% จากระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 108,786 ดอลลาร์ ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ทรัมป์กลับสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ 20 มกราคมที่ผ่านมา