ไบแนนซ์เดินหน้าเพิ่มการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล จับมือ Worldpay เปิดใช้งาน Apple Pay และ Google Pay ในระบบซื้อคริปโตผ่านบัตรเดบิต-เครดิต ชี้เป็นอีกก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีการเงินสู่ผู้ใช้งานทั่วโลก พร้อมรองรับการเติบโตของตลาด Web3 และการบูรณาการ AI-Blockchain
ไบแนนซ์ ยักษ์ใหญ่ด้านการแลกเปลี่ยนคริปโต เดินหน้าเชื่อมต่อโลกการเงินดั้งเดิมและดิจิทัล ล่าสุดจับมือกับ Worldpay บริษัทเทคโนโลยีการชำระเงินระดับโลก เพื่อบูรณาการ Apple Pay และ Google Pay เข้ากับระบบ fiat onramp หรือช่องทางซื้อคริปโตด้วยเงินสกุลปกติของแพลตฟอร์มไบแนนซ์ (Binance)
ความร่วมมือดังกล่าวซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อคริปโตด้วยบัตรเดบิตหรือเครดิตที่เชื่อมกับกระเป๋าเงินดิจิทัลได้โดยตรง ทั้งผ่านเว็บไซต์และแอปไบแนนซ์รองรับทั้งผู้ใช้เดิมและผู้เริ่มต้นเข้าสู่โลกคริปโต
การพัฒนาครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากไบแนนซ์ได้รับเงินลงทุนสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจาก MGX บริษัทด้านเทคโนโลยีจากอาบูดาบี ตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายใหญ่ต่ออนาคตระยะยาวของไบแนนซ์และการเดินหน้าสู่การบูรณาการเทคโนโลยี AI-Blockchain บนโครงสร้างพื้นฐานของไบแนนซ์
Nabil Manji หัวหน้าฝ่ายการเติบโตของ FinTech จาก Worldpay ระบุว่า การบูรณาการครั้งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สำรวจและใช้งานคริปโตได้อย่างง่ายและมั่นใจ เหมือนกับการซื้อสินค้าออนไลน์ทั่วไป
ขณะที่จุดเด่นสำคัญอยู่ที่การเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ใช้บัตรเครดิตน้อยแต่มีการใช้สมาร์ทโฟนแพร่หลาย ผู้ใช้งานใหม่สามารถเริ่มต้นใช้งานคริปโตในระบบ Web3 ได้ทันที เพียงแค่แตะโทรศัพท์ ไม่ต้องพึ่งพาระบบธนาคารแบบเดิม
นอกจากนี้ ในปี 2567 ที่ผ่านมาไบแนนซ์ยังได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน โดยเพิ่มช่องทาง fiat และ P2P ใน 20 ประเทศ เปิดใช้ mobile money ใน 9 ประเทศในแอฟริกา และเพิ่มช่องทาง fiat ใหม่อีก 18 ช่องทาง สำหรับทั้งลูกค้ารายย่อยและองค์กร ทำให้ผู้ใช้กว่า 260 ล้านบัญชีทั่วโลกสามารถทำธุรกรรมได้รวมกว่า 100 ล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลยังชี้ว่าอัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำของผู้ใช้ fiat และ P2P ในปี 2024 สูงกว่า 60% สะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์การเข้าถึงอย่างทั่วถึงของไบแนนซ์
กระแสบูรณาการบัตรเดบิตคริปโตเริ่มชัดเจนขึ้น
ทิศทางของไบแนนซ์ สอดคล้องกับแนวโน้มในวงการคริปโตที่เริ่มเชื่อมโยงการใช้งานเข้ากับชีวิตประจำวันมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Zebec Network ได้เปิดตัว Zebec Carbon บัตรเดบิตคริปโตที่พัฒนาร่วมกับ Mastercard
เปิดตัวเมื่อวันที่ 27 มีนาคม บัตรนี้รองรับการใช้จ่าย stablecoin เช่น USDC ได้ทั่วโลกในร้านค้าที่รับ Mastercard โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียม เปิดใช้งานได้ทันที และรองรับทั้ง Apple Pay และ Google Pay อย่างเต็มรูปแบบ
เช่นเดียวกับความร่วมมือระหว่างไบแนนซ์ และ Worldpay ผลิตภัณฑ์ของ Zebec มุ่งเน้นที่ความเรียบง่ายในการใช้งาน ลดขั้นตอนการเข้าถึง และยังคงความเป็นส่วนตัว โดยในสหรัฐฯ ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องยืนยันตัวตน
Zebec ยังเข้าร่วมตลาดพร้อมกับผู้เล่นรายใหญ่อื่น ๆ อย่าง MetaMask, Floki และ Avalanche ซึ่งต่างก็เปิดตัวหรือขยายบริการบัตรเดบิตคริปโตในช่วงหลัง
บัตรของ MetaMask วางจำหน่ายแล้วในสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร บราซิล เม็กซิโก และโคลอมเบีย พร้อมฟีเจอร์แปลงคริปโตเป็นสกุลเงินทั่วไปแบบอัตโนมัติที่จุดขาย และรองรับทั้ง Apple Pay และ Google Pay
ขณะที่ Floki เปิดตัวบัตรเดบิตคริปโตแบบหลายเครือข่าย ทั้งในรูปแบบดิจิทัลและกายภาพ ในขณะที่ Avalanche เปิดตัวบัตรที่ใช้ระบบ Visa ในละตินอเมริกา พร้อมฟีเจอร์ครบครัน ทั้งการแจ้งเตือนการใช้จ่าย การควบคุมดูแลตนเอง และการตั้งค่ารหัส PIN แบบกำหนดเอง
ทั้งนี้แบ่งระหว่างเงินดั้งเดิมและคริปโตเริ่มแคบลง หลังความร่วมมือและนวัตกรรมเหล่านี้มีพัฒนาการที่เร่งตัวขึ้นอาจเป็นตัวชี้วัดว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะเปลี่ยนสถานะจากเครื่องมือเก็งกำไร มาเป็นส่วนหนึ่งของการใช้จ่ายจริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น