นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยตกหนักวันนี้จริงแต่เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วยังต่ำกว่าบางประเทศ เนื่องจากตลาดบ้านเราตกมาระดับหนึ่งพอสมควรด้วยหลายสาเหตุ ซึ่งตลาดรับรู้ปัจจัยต่าง ๆ ไปแล้ว
และเมื่อมีแรงขายหุ้นออกมาเงินที่ขายออกส่วนใหญ่ไปไหนโยกเข้าไปซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยเฉพาะพันธบัตรสหรัฐ เมื่อมีคนเข้าไปซื้อพันธบัตรมาก ๆ ก็ทำให้ยีลด์ปรับลง ทำให้กองทุนมีกำไรก็จะหาจังหวะกลับเข้ามาซื้อหุ้น และแนวโน้มการกู้ของสหรัฐก็สูงขึ้น ก็ยังมีเงินพวกนี้รออยู่ อีกทั้งคนขายหุ้นออกไปก็จ้องจะซื้อคืน เมื่อสถานการณ์พลิกกลับก็จะเป็นจังหวะของการซื้อคืน
นักลงทุนในประเทศควรจะต้องพิจารณาว่าตลาดหุ้นจะตกสุด ๆ ไปตรงไหนบนพื้นฐานปัจจุบัน หากขายหุ้นออกไปเรื่อย ๆ ขณะที่คนที่ขายหุ้นออกไปก่อนหน้านี้แล้วเก็บเงินไว้พร้อมกลับเข้ามาซื้อก็จะกลายเป็นว่าสมบัติของบ้านเราตกไปอยู่ในมือของคนอื่นมาก เรื่องนี้ต้องพูดกันในตลาดทุน ซึ่งได้มอบหมายให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเปิดขี้แจงสัมมนาพูดให้นักลงทุนเข้าใจแล้ว
สำหรับมาตรการชั่วคราวที่นำออกมาใช้ คือ การห้ามชอร์ดเซล เป็นการตัดสินด้วยความกล้าหาญเมื่อวานนี้ ปกติชอร์ตเซลล์เป็นเครื่องมือการป้องกันความเสี่ยง (hedge) ของบริษัทที่ลงทุนตามมาตรฐาน แต่เมื่อวานนี้เขาเดาได้ว่าในโลกนี้หุ้นจะลง คนก็อยากขายหุ้นก่อนแล้วค่อยกลับมาซื้อ ถ้าเรายอมอย่างนั้นเป็นการซ้ำเติมสองด้าน เพราะคนไม่มีมีหุ้นอยู่ในมือก็จะขาย คนอยากทำชอร์ตเซลก็อยากจะทำ เมื่อวานเผอิญเป็นวันหยุดราชการ เมื่อเห็นอาการแล้วทุกตลาดร่วงระเนระนาดกันถึง 5-6% ไม่ทำอะไรก็ไม่ได้ ก็เลยต้องตัดสินใจจากการคาดเดาสถานการณ์
"เราขอทำแค่ 4 วันแต่บังเอิญติดวันหยุดยาวช่วงสงรานต์ด้วยก็เลยกลายเป็น 7-8 วัน มีเงื่อนไขว่าพร้อมยกเลิกการห้ามชอร์ตเซลล์ พิจารณากันทุกวัน เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ดีต่อผู้ลงทุนให้เขาหยุดคิดได้ว่าหุ้นเราดีนะ เราติดตามทุกวัน เราไปปรับตัวซีลลิ่ง-ฟลอร์ด้วยจาก 30% ถ้าวิ่งเกินกว่า 10% ก็หยุด เราดูแทนนักลงทุนแล้วว่าอย่าตกใจเราพื้นฐานยังดีอยู่"นายพิชัย กล่าว
ขณะที่นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า มาตรการที่ประกาศใช้เมื่อวานนี้ คิดว่าช่วยรักษาเสถียรภาพของตลาดทุนไทยได้ในระดับหนึ่ง เพราะตลาดหุ้นไทยลดลง 4.50% น้อยกว่าหลายตลาดในภูมิภาค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการปรับตัวลงในวันก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนและความไม่แน่นอนจะยังคงมีอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ตลท.ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และขอให้ผู้ลงทุนติดตามข่าวสารและพิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน