ท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลก ไมเคิล เซย์เลอร์ ผู้ถือธงบิทคอยน์เบรกการเข้าซื้อชั่วคราว ขณะนโยบายภาษีของทรัมป์จุดชนวนความผันผวนหนักทั้งในตลาดคริปโตและการเงินโลก นักลงทุนทั่วโลกจับตา กลยุทธ์ใหม่ของสถาบันจะเปลี่ยนทิศหรือไม่?
ท่ามกลางคลื่นความปั่นป่วนของตลาดการเงินโลกและการประกาศภาษีศุลกากรชุดใหม่ของสหรัฐฯ กลยุทธ์การเข้าซื้อบิทคอยน์ของ ไมเคิล เซย์เลอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัท MicroStrategy ได้หยุดชะงักชั่วคราว ซึ่งอาจเป็นสัญญาณสำคัญว่าทัศนคติของสถาบันการเงินต่อสกุลเงินดิจิทัลกำลังเปลี่ยนไป
ตามเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 7 เมษายน บริษัท MicroStrategy ไม่ได้ซื้อบิทคอยน์เพิ่มเลยระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 6 เมษายน ซึ่งถือเป็นการหยุดพักจากแนวทางเชิงรุกที่เคยเป็นลายเซ็นของ Saylor นับตั้งแต่เริ่มสะสม BTC เมื่อปี 2563
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า บริษัทถือครองบิทคอยน์อยู่ที่ 528,185 BTC โดยในไตรมาสแรกของปี 2568 มีการบันทึกขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงกว่า 5.91 พันล้านดอลลาร์
ทรัมป์จุดชนวนภาษี ทำตลาดคริปโตสะเทือน
การตัดสินใจหยุดซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่บิทคอยน์ร่วงลงกว่า 10% หลังจากอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศนโยบายภาษีนำเข้าใหม่ ส่งแรงสั่นสะเทือนทั้งตลาดดั้งเดิมและคริปโต
โดยทรัมป์เผยแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าทั่วโลก 10% พร้อมขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนจาก 34% เป็น 50% หากจีนไม่ถอนมาตรการตอบโต้ สร้างความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจ
“จงเข้มแข็ง กล้าหาญ และอดทน แล้วความยิ่งใหญ่จะเป็นผลลัพธ์” ทรัมป์โพสต์ข้อความบน X
แม้เคยสนับสนุนทรัมป์ในอดีต บิล อัคแมน นักลงทุนมหาเศรษฐี กลับออกโรงวิจารณ์นโยบายนี้อย่างรุนแรง พร้อมเรียกร้องให้รีบเปลี่ยนแปลง
“การพยายามทำข้อตกลงขณะตลาดทรุดตัว ไม่ได้ช่วยให้ประธานาธิบดีมีแต้มต่อในการเจรจา” อัคแมนกล่าว พร้อมระบุว่าผู้เสนอแนวคิดนี้ควรถูกปลดทันที
อนาคตตลาดคริปโตยังไร้ทิศชัดเจน
หลังประกาศดังกล่าว ราคาบิทคอยน์ร่วงต่ำกว่า 80,000 ดอลลาร์ ทำให้กำไรสะสมหลังการเลือกตั้งหายวับไปในพริบตา
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ผลกระทบระยะยาวของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ต่อตลาดคริปโตและเศรษฐกิจโลกยังคงไม่แน่นอน โดยเฉพาะหากแรงกดดันจากการเก็บภาษียังดำเนินต่อเนื่อง
การหยุดซื้อ BTC ของ MicroStrategy อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการทบทวนกลยุทธ์ใหม่ของนักลงทุนสถาบันทั่วโลกในโลกสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
