xs
xsm
sm
md
lg

'กอบศักดิ์'เปิด5ประเด็นทางรอดไทย-แนะตลาดทุนเร่งสร้างความเชื่อมั่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)(BBL)กล่าวในรายการ "Bnomics by Bangkok Bank ในหัวข้อ After Shock Reciprocal Tariffs ว่า จากเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา หลังจากที่ประธานาธบดีทรัมป์ฯได้ประกาสอัตราภาษีตอบโต้ที่เรียกเก็บกับประเทศต่างๆออกมานั้น ทำให้เกิดการจัดระเบียบประเทศต่างๆออกเป็น 3 กลุ่มอย่างชัดเจน คือ หนึ่งกลุ่มที่ขอเจรจาก็มีเป็นจำนวนมากคือ 70 ประเทศรวมถึงไทย สองกลุ่มที่เงียบคือ จำยอมโดยรับได้อัตราภาษีที่เรียกเก็บซึ่งส่วนใหญ่จะ 10%ซึ่งถือเป็นขั้นต่ำสุดของทรัมป์ฯ และสามกลุ่มที่ยอมไม่ได้ มีการตอบโต้ ก็คือ จีนซึ่งประกาศภาษีตอบโต้ที่ 34%เช่นเดียวกันและก็คาดว่าจะยังไม่จบกันง่าย รวมถึงกลุ่มอียูที่ยังอยู่ระหว่างการหารือสมาชิก

สำหรับประเทศไทยก็จำเป็นจะต้องเตรียมการเจรจาให้ดีว่าจะทำอย่างไรให้จึงลดจาก 36% เป็น 10%ได้ ต้องพิจารณาสิ่งที่ทางเขาต้องการ และเราสามารถให้ได้ ไม่ควรเริ่มต้นที่บอกว่าเราไม่สามารถลดอะไรได้ เพราะนั่นไม่ใช่การเจรจา ขณะเดียวกัน ปัญหาภายในประเทศเองก็ยังมีความเปราะบาง อาทิ หนี้ครัวเรือนที่สูง เพื่อรักษาซึ่งจะอาจจะโดนซ้ำเติมจากปัจจัยอื่นๆได้ง่าย จึงต้องเร่งแก้ไขเช่นเดียวกัน

"มาถึงตอนนี้เราแนะนำใน 5 เรื่องที่เราควรให้ความสำคัญต่อไปคือหนึ่ง การเจรจาอย่างตั้งใจ ใจใส่ ไม่ครึ่งๆกลางๆเพราะมีอีก 70 ประเทศที่ต้องการเจรจาเหมือนกัน หากยืดเยื้อก็จะทำให้เสียภาษีนานเสียความสามารถในการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็จะซ้ำเติมความเปราะบางในประเทศก็มีหนี้ครัวเรือนต่างๆด้วย สองรักษาโมเมนตั้มการเติบโตของเศรษฐกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ สามลดการพึ่งพาสหรัฐฯเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำเดิม สี่การหาตลาดใหม่ๆเพื่อชดเชยหรือขยายฐานส่งออกสินค้า และห้า การวางสถานะของประเทศให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในอนาคตที่โลกการค้าจะแบ่งขั้วอย่างชัดเจน โดยมี 2 ประเทศใหญ่ๆเผชิญหน้ากันคือ สหรัฐฯกับจีน ซึ่งในท้ายที่สุดไทยจะต้องถูกถามถึงสถานะว่าจะอยู่กับฝั่งไหน จึงต้องเตรียมการณ์ในเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ซึ่งผมมองว่าความเป็นกลางของไทยจะเป็นสถานะที่ดีที่สุดอยู่แล้ว"

ทั้งนี้ จากปัจจัยในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากแผ่นดินไหว รวมถึงมาตรการภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs)ของสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารปรับลดเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้มีแนวโน้มต่ำกว่า 2.5% จากเดิมที่ 3% โดยยังคงต้องติดตามผลในการแก้ปัญหาของไทยหลังจากโดนเรียกเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐในอัตรา 36% ด้วย

**ชี้มาตรการShot Sellช่วยได้ชั่วคราว**
ส่วนภาวะตลาดทุนนั้น นายกอบศักดิ์กล่าวว่า สภาวะที่เกิดขึ้นในขณะนี้เหมือนกับทะเลที่กำลังมีมรสุม หากเรือลำไหนที่คิดว่ายังไม่พร้อม ก็ควรหลีกเลี่ยงไปก่อน ยังมีสินทรัพย์มั่นคงอีกหลายอย่างที่เหมาะสมในช่วงนี้ แล้วค่อยกลับมาใหม่ในช่วงที่ปัจจัยอื่นๆเอื้อ แต่ถ้าใครคิดว่าฝึกฝนฝีมือมาดีแล้วพร้อมฝ่ามรสุมก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน และที่สำคัญคือตลาดทุนจะต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นและปัจจัยพื้นฐานเพื่อจูงใจนักลงทุนอย่างแท้จริง ขณะที่มาตรการ Shot Sell เป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น