xs
xsm
sm
md
lg

มหาวิบัติตลาดหุ้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นการจุดชนวนสงครามการค้าครั้งใหญ่ที่สุดเป็นประวัติการณ์ สร้างแรงสั่นสะเทือนไปยังตลาดหุ้นทั่วโลก กระดานซื้อขายหุ้นแดงฉาน แม้แต่ตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งทรุดลงหนักนับตั้งแต่วิกฤตไวรัสโควิด

วันจันทร์ที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา กลายเป็นวันมหาวินาศของตลาดหุ้นโลก หลังจากดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 2 พันจุด ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านย่านเอเชีย ระส่ำระสาย จนบางตลาดต้องปิดการซื้อขายหุ้นก่อนเวลา ส่วนตลาดหุ้นไทยรอดจากหายนะไปได้ชั่วคราว เพราะเป็นวันหยุดชดเชยวันจักรี

แต่เปิดการซื้อขายวันอังคาร ก็คงเลี่ยงผลกระทบไม่ได้ และคงดิ่งลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งไม่อาจประเมินได้ว่า ดัชนี ฯ รอบนี้จะลงไปต่ำสุดที่ระดับใด โดยแนวรับ 1100 จุดจะเอาอยู่หรือไม่

ความเคลื่อนไหวที่พอปลอมประโลมใจนักลงทุนได้คือ สถานการณ์ตลาดหุ้นโลกเริ่มโงหัวขึ้น หลายตลาดเริ่มฟื้น ดัชนีฯกลับมาสู่แสงสีเขียวสดใส แต่จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือไม่เท่านั้น

ตลาดหุ้นไทยตกอยู่ในภาวะถดถอยมายาวนานกว่า 10 ปี และเป็นขาลวงเต็มตัวในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โดยสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2561 ดัชนี ฯ ปิดลงที่ 1,830.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.5% จากสิ้นปี 2560 และปรับเพิ่มขึ้น 0.2% จากสิ้นเดือนก่อน หลังจากนั้นก็ทรงและทรุดเรื่อยมา แต่ที่ร่วงลงหนัก เกิดขึ้นระหว่างปี 2566 จนถึงปัจจุบัน

ในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา หุ้นร่วงลงไปแล้วประมาณ 700 จุด แต่เฉพาะปี 2568 เพียงช่วงเวลา 3 เดือนเศษลงไปเกือบ 300 จุด จากจุดปิดสิ้นปี 2567 ที่ระดับ 1400.21 จุด

ตลาดหุ้นไทยเจอมรสุดข่าวร้ายกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก โดยปัจจัยภายในที่ทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจ และต่างชาติเทขายหุ้นอย่างต่อเนื่องคือ ภาวะเศรษฐกิจที่ฟุบหนัก ขณะที่สถานการณ์การเมืองไม่มีความแน่นอน รัฐบาลแต่ละชุด ไม่สามารถเรียกศรัทธาจากประชาชนได้

ส่วนผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ไม่ได้เติบโตสูง หรืออยู่ในภาวะทรงตัว และมีแนวโน้มชะลอตัว ทำให้ตลาดหุ้นขาดแรงจูงใจในสายตานักลงทุนต่างชาติ ซึ่งไม่มีสัญญาณจะกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

สำหรับปัจจัยลบจากภายนอกลบ่าสุดที่กำลังซ้ำเติมตลาดหุ้นให้จมปฐพีคือ การประกาศสงครามการค้าโลกของประธานาธิบดีทรัมป์

ภาวการณ์ลงทุนในตลาดหุ้นเปราะบางอยู่แล้ว เมื่อเจอผลกระทบการประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศไทยอีก 37% ซึ่งจะฉุดให้การส่งออกทรุดหนัก และกด GDP หรือผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศปี 2568 เติบโตต่ำกว่า 2% จึงทำให้บรรยากาศการลงทุนจมดิ่งสู่ความเลวร้ายสุดขีด

ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์ทุกสำนัก ปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีหุ้นปลายปีนี้มา 2 รอบแล้ว จากการมองโลกสวย ประเมินว่าดัชนี ฯ ปลายปีจะอยู่ที่ระดับ 1500-1600 จุด ปรับลดลงรอบแรก ประเมินว่าปลายปีจะเจอกันที่ประมาณ 1380 จุด แต่ล่าสุดหลังทรัมป์ประกาศขึ้นมาภาษีสินค้านำเข้า 37%

โบรกเกอร์ลดเป้าหมายดัชนีฯปลายปีนี้ลงอีกครั้งที่ระดับ 1200 จุดเท่านั้น ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปถึงหรือไม่

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เตรียมยาแรง เพื่อรับมือผลกระทบจากแรงกระแทกตลาดหุ้นที่ร่วงกันวินาศสันตะโรไว้แล้ว โดยมาตรการหลักๆคือปรับลดเพดานขึ้นลงของราคาหุ้นเหลือ 15% จากเดิม 30% และอีกมาตรการที่สำคัญคือ ห้ามการยืมหุ้นมาขายหรือห้าม SHORT SELL ชั่วคราว มีผลทันทีตั้งแต่วันที่ 8 เมษายนนี้ ซึ่งไม่รู้ว่าจะชะลอความรุนแรงการดิ่งลงของหุ้นขนาดไหน

ตลาดหุ้นโลกกำลังเผชิญกับมหาวิบัติ และตลาดหุ้นไทยไม่อยู่ฐานะที่จะได้รับการยกเว้นแรงกระแทก

3 เดือนแรก ตลาดหุ้นซบเซาหนัก ดัชนี ฯ ทรุดแล้ว 242 จุด ย่างสู่ไตรมาสที่ 2 ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัว และไม่อาจคาดหมาย 9 เดือนหลังปี 2568 จะเลวร้ายเพียงใด

ปี 2568 อาจเป็นข่วงเวลาที่นักลงทุนในตลาดหุ้นกว่า 3 ล้านคนล่มจมหนักที่สุดอีกปี








กำลังโหลดความคิดเห็น