นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยเงินบาทวันนี้(4เม.ย.68)ปิดตลาดที่ระดับ 34.18 บาทต่อดอลลาร์ฯ แข็งค่ากลับมาเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 34.26 บาทต่อดอลลาร์ฯ...ทั้งนี้ ผลของการปรับขึ้น Reciprocal Tariffs ของสหรัฐฯ ยังสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ฯ จนถึงช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน สวนทางเงินดอลลาร์ฯ ที่กลับมาเผชิญแรงขายอย่างหนักท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการปรับขึ้นภาษีการค้าของ ปธน. ทรัมป์ และการคาดการณ์เรื่องการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งตลาดเริ่มให้น้ำหนักว่า เฟดอาจจำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าที่สื่อสารไว้ใน dot plot เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงมากขึ้นที่อาจเผชิญกับภาวะถดถอย นอกจากนี้ เงินหยวนที่แข็งค่าขึ้น (และมีรางานข่าวว่าจีนประกาศขึ้นภาษีโต้กลับสหรัฐฯ มีผล 10 เม.ย.) ก็เป็นปัจจัยที่หนุนสกุลเงินในภูมิภาคและเงินบาทด้วยเช่นกัน สำหรับทิศทางฟันด์โฟลว์ในวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 6,399 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิพันธบัตรไทยต่อเนื่องที่ 1,580 ล้านบาท
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.60-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ของสงครามการค้า (หลังจีนประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าที่มาจากสหรัฐฯ มีผล 10 เม.ย.) ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมี.ค. รายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 18-19 มี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนเม.ย. รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมี.ค. ของจีนด้วยเช่นกัน