Bybit ประกาศปิดตลาด NFT และ Inscription Marketplace วันที่ 8 เมษายนนี้ เหตุปริมาณซื้อขายร่วง 70% จาก 18 ล้านดอลลาร์ เหลือ 5.34 ล้านดอลลาร์ วงการ NFT เผชิญภาวะซบเซา นักลงทุนเมินเก็งกำไร ผู้เชี่ยวชาญชี้ต้องเน้นยูทิลิตี้เพื่อฟื้นตลาด
วงการ NFT เจอผลกระทบเต็มเปาจากวิกฤติตลาดคริปโตที่มาจากนโยบายภาษี และวิกฤติเศรษฐกิจ ล่าสุด Bybit ศูนย์แลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลชื่อดัง ประกาศปิดตลาดโทเค็นที่ไม่สามารถทดแทนกันได้ (NFT) รวมถึง Inscription Marketplace และโครงการแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจครั้งแรก ในวันที่ 8 เมษายนนี้ เวลา 16.00 น. (UTC) หลังจากปริมาณการซื้อขายในตลาด NFT ลดลงกว่า 70%
Bybit ระบุในประกาศเมื่อวันที่ 1 เมษายนว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “ความพยายามในการปรับปรุงข้อเสนอบริการ” เพื่อให้สอดคล้องกับความสนใจของตลาดที่เปลี่ยนไป โดยการปิดตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก X2Y2 ตลาด NFT รายใหญ่ ออกมาประกาศปิดตัวไปก่อนหน้านี้ในสัปดาห์เดียวกัน สะท้อนถึงภาวะซบเซาของวงการ NFT ในขณะนี้
ตลาด NFT ดิ่งเหว ยอดซื้อขายร่วง 95% จากจุดพีค
ข้อมูลเผยว่า ตลาด NFT กำลังเผชิญช่วงขาลงอย่างหนัก ปริมาณการซื้อขายรายวันในรอบ 364 วันที่ผ่านมาเฉลี่ยอยู่ที่ 18 ล้านดอลลาร์ แต่ล่าสุดเหลือเพียง 5.34 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นการลดลงถึง 70% และหากเทียบกับจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ที่ยอดซื้อขายพุ่งถึง 113.6 ล้านดอลลาร์ ปริมาณการซื้อขายในปัจจุบันร่วงลงไปมากกว่า 95% เลยทีเดียว
Charu Sethi ประธานของ Unique Network ซึ่งเน้น NFT บนเครือข่าย Polkadot และ Kusama กล่าวกับ Cointelegraph ว่า “ยุคเก็งกำไรที่เน้นของสะสมและการซื้อขายจบลงแล้ว แต่ NFT กำลังก้าวสู่ยุคใหม่ ที่จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานหลัก เปิดโอกาสให้กับวงการเกม ปัญญาประดิษฐ์ การมีส่วนร่วมของแฟนๆ และการรับรองความถูกต้องของเนื้อหา”
นักลงทุนเมินเก็งกำไร โปรเจกต์ NFT เจอปัญหา
ความสนใจใน NFT เพื่อเก็งกำไรลดลงอย่างเห็นได้ชัด รายงานล่าสุดเผยว่า โปรเจกต์ NFT อย่าง Gutter Cat Gang (GCG) เจอปัญหาในการเปิดตัวโทเค็น GANG บน Apechain เมื่อวันที่ 31 มีนาคม เนื่องจาก “ปัญหาทางเทคนิค” จากบุคคลที่สาม แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ ความสนใจจากนักลงทุนแทบไม่มี โดยโครงการนี้ระดมทุนได้เพียง 3.66 Ether หรือประมาณ 6,800 ดอลลาร์ เทียบกับเป้าหมาย 1 ล้านดอลลาร์ ถือว่าห่างไกลจากความคาดหวังมาก อย่างไรก็ตาม ทีมงาน GCG ยังไม่มีการตอบสนองต่อเรื่องนี้
รายงานเมื่อปลายเดือนมีนาคมยังระบุว่า ยอดขาย NFT ในไตรมาสแรกของปี 2568 ลดลงถึง 63% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้แต่โปรเจกต์ชื่อดังอย่าง Doodles, Milady Maker และ Pudgy Penguins ก็ยังไม่สามารถสร้างผลงานตามที่คาดหวังได้
อนาคต NFT ต้องเน้นยูทิลิตี้ บทพิสูจน์ความยั่งยืน
การปิดตลาด NFT ของ Bybit สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการ ที่นักลงทุนเริ่มหันหลังให้กับการเก็งกำไร และมองหา NFT ที่มีประโยชน์ใช้งานจริงมากขึ้น หากวงการนี้จะฟื้นตัวได้ อาจต้องปรับทิศทางไปสู่การสร้างมูลค่าที่แท้จริง มากกว่าการเป็นแค่ของสะสมราคาแพง