สุนันท์”ร้องสภาทนายฯ สอบมรรยาททนาย”ชญานี”

“สุนันท์”ยื่นสภาทนายความ ร้องสอบมรรยาท2ทนาย “ชญานี” คดีฟ้องหมิ่นประมาทหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360องศา 





เมื่อวันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา นายสุนันท์ ศรีจันทรา บรรณาธิการอาวุโส หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360 องศา ได้ยื่นหนังสือถึงสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวหาทนายความนางสาวชญานี โปขันเงินและพวกรวม3 คน ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ฐานประพฤติผิดมรรยาททนายความ

นายสุนันท์ระบุว่า ถูกนางสาวชญานี นายวรากรณ์ กุนทีกาญจน์ และนางสาวกัญญา ฉัตรพึ่งเฮง ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ยื่นฟ้องพร้อมกับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ 360องศา ในความผิดหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

ศาลนัดสืบพยานพยานจำเลยวันที่ 20 สิงหาคม 2567 แต่ระหว่างการสืบพยาน ทนายฝ่ายโจทก์ ได้แสดงพฤติกรรมที่ไร้มรรยาท ขาดจริยธรรมในการประกอบวิชาชีพทนายความอย่างร่ายแรง โดยระหว่างที่ผู้ร้อง หรือนายสุนันท์ ในฐานะจำเลยในคดี กำลังให้การในที่นั่งพยาน ทนายฝ่ายโจทก์ได้ใช้มือทั้งสองข้าง กดมาที่ไหล่ทั้งสองข้างของผู้ร้อง ก่อนออกแรงบิด เพื่อให้ผู้ร้องหันหน้าตรงสู่บัลลังก์ศาล

การกระทำของทนายโจทก์ เป็นการไม่ให้เกียรติ และไม่ให้ความเคารพผู้ร้อง ซึ่งเป็นสื่อมวลชนอาวุโส อายุ72 ปี ซึ่งควรได้รับการเคารพและการปฏิบัติที่เหมาะสมจากนายกิตติพงศ์ ซึ่งเป็นทนายความ ตามมรรยามที่ทนายความพึงมี

นอกจากนั้น ทนายโจทก์ยังเป็นผู้มีอาวุโสน้อยกว่า ควรแสดงความเคารพผู้ที่มีความอาวุโสกว่า ซึ่งเป็นค่านิยมที่สำคัญในสังคมไทยและในหลายวัฒนธรรมทั่วโลก อันเป็นพื้นฐานในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคม

ผู้ร้องได้ต่อว่าพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทนาย จนผู้พิพากษาขอให้ยุติกระบวนการพิจารณาไว้ชั่วขณะ และได้กล่าวตักเตือนนายจิตติพงศ์ว่า “ขอให้ทนายโจทก์ อย่าทำเช่นนี้กับจำเลยอีก”

ในการนัดสืบพยานคดีที่นางสาวชญานีและพวกฟ้องคดีหมิ่นประมาทผู้ร้องวันและเวลาเดียวกันทนายโจทก์อีกคน ได้ใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมในระหว่างสืบพยานอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะคำว่า “จำเลยยังไม่มีความสำนึกในความผิด” ทั้งที่ผู้ร้องให้การต่อสู้คดีว่า ผู้ร้องให้การปฏิเสธการกระทำผิด และขอนำพยานหลักฐานต่อสู้ในชั้นพิจารณา
ผู้ร้องได้แถลงต่อศาล ก่อนที่จะเริ่มการสืบพยานแล้วว่า ขอให้ศาลควบคุมพฤติกรรมของทนายโจทก์ทั้งสองคน ซึ่งศาลได้รับฟัง เพื่อพิจารณาให้กระบวนการดำเนินคดีเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นธรรม

ผู้ร้อง เป็นสื่อมวลชนอาวุโส อายุ72ปี ถือว่ามีความอาวุโส เป็นผู้ใหญ่ที่ควรได้รับการเคารพ หรือได้รับการปฏิบัติอย่างมีสัมมาคารวะ จากทนายโจทก์ทึ้ง 2คน แต่การที่ทนายโจทก์ใช้มือกดมาที่ไหลทั้งสองข้างของผู้ร้อง ก่อนบิดตัวให้หันหน้าตรง ขณะที่ทนายโจทก์อีกคนใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมระหว่างการสืบพยาน

พฤติกรรมของทนายทั้ง 2คน แสดงให้เห็นถึงการประพฤติตนไม่เหมาะสมในการเป็นทนายความ ถือเป็นการประพฤติตนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมอันดี หรือเป็นการเสื่อมเสียต่อศักดิ์ศรีและเกียรติคุณของทนายความ อันเป็นการประพฤติผิดมรรยาททนายความ

ผู้ร้องไม่อาจล่วงรู้ถึงพฤติกรรมอันไร้มารยาท ขาดจริยธรรมของทนายทั้งสองคนว่า ได้เคยประพฤติปฏิบัติมาก่อนหรือไม่ แต่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้ร้อง ถือเป็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ไม่อาจปล่อยผ่านได้ หากทนายความทั้ง 2คนนี้ ประพฤติตนไม่เหมาะสมต่อประชาชนที่เป็นคู่ความฝ่ายตรงข้าม อาจทำให้มุมมองที่ประชาชนมีต่อวิชาชีพทนายความเปลี่ยนแปลงไป

เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของทนายความ ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นและหมดศรัทธาต่อวิชาชีพทนายความ และจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรวิชาชีพทนายความ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบวิชาชีพทนายความด้วยกัน

การสืบพยานคดีที่นางสาวชญานีและพวกยื่นฟ้องผู้ร้องในคดีหมิ่นประมาท เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 ทำให้ผู้ร้องทราบถึงพฤติกรรมของทนายความทั้ง2คน ซึ่งประพฤติผิดมรรยาททนายความ จึงขอให้ประธานมารยาททนายความนำเรื่องร้องเรียนเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการมรรยาททนายความ เพื่อตั้งกรรมการสอบสวนและลงโทษทนายทั้งสองคน