กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ แจงราคาหุ้นหลังควบรวมอินทัชฯตามทฤษฎีควรอยู่ที่ 48.28บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาเทรดซื้อขายหุ้นปิดตลาดเช้าวันที่3เม.ย.อยู่ที่ 49.50บาท สูงกว่าราคาทฤษฎี ดันมาร์เก็ตแคปแตะราว 7.4 แสนล้านบาท
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่ามีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับราคาหุ้น GULF (NewCo) ได้ปรับลงจาก56-57บาท/หุ้นหลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นวันแรก(3 มี.ค.) นั้น ขอชี้แจงว่า ราคาหุ้น GULF (NewCo) ตามทฤษฎี ราคาควรอยู่ที่ 48.28 บาทต่อหุ้น มาร์เก็ตแคปจะอยู่ที่ 721,255 ล้านบาท แต่ช่วงปิดตลาดเช้าวานนี้(3 เม.ย.2568) ราคาปิดที่ 49.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งสูงกว่าราคาทฤษฎี โดยมีมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ประมาณ 7.4แสนล้านบาท
“มีการเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าราคาหุ้นGULF(NewCo) จะเทรดอยู่ที่ 56-57บาทต่อหุ้น ซึ่งใช้วิธีการคำนวนที่ผิด ไม่สามารถนำราคาหุ้นของ GULF และราคาหุ้นบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH มาบวกกันได้โดยตรง เพราะบริษัทถือหุ้น 47% ใน INTUCH ซึ่งราคาปิดตลาดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 ราคาหุ้น GULF อยู่ที่ 49.75 บาทต่อหุ้น และราคาหุ้น INTUCH ปิดที่ 81.50 บาทต่อหุ้น ดังนั้นการคำนวนราคาหุ้น GULF (NewCo) จึงควรอยู่ที่ 48.28 บาทต่อหุ้น ส่วนมาร์เก็ตแคปของ GULF (NewCo) จะอยู่ที่ 721,255 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องหักส่วนที่เป็นมาร์เก็ตแคปที่บริษัทไม่ได้ถือใน INTUCH 47%ออกไปด้วย “
นางสาวยุพาพิน กล่าวว่าแผนการดำเนินงานของ GULF (NewCo) ในปีนี้ ยังเป็นไปตามแผนที่เคยแจ้งไว้ โดยบริษัทตั้งงบลงทุนสำหรับบริษัทใหม่ 5 ปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท หลักๆ จะใช้สำหรับการขยายลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาดสัดส่วน 60-70% โดยเฉพาะในต่างประเทศ ส่วนงบลงทุนสำหรับปี 2568 อยู่ที่กว่า 20,000 ล้านบาท ใช้ในโครงการตามแผนงานที่กำหนดไว้
นอกจากนี้ภายหลังการควบรวมจะทำให้บริษัทมี 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจพลังงาน, 2.ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน, 3.ธุรกิจดิจิทัล และ 4.ธุรกิจการลงทุนอื่นๆ เช่น การลงทุนใน ADVANC และ THCOM โดยแบ่งเป็นสัดส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานประมาณ 60% และจากธุรกิจที่เหลืออีก 40% ทั้งนี้ตั้งเป้ารายได้ปี 2568 เติบโต 20-25%
นางสาวยุพาพิน กล่าวถึงนโยบายขึ้นภาษีตอบโต้(Reciprocal Tariffs)ของสหรัฐฯที่ไทยโดน 36%นั้น บริษัทฯไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่ได้มีการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาวกับ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วน 94% และอีก6%เป็นการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม