นักเทรดคริปโตสุดเฉียบเปลี่ยนเงิน 2,000 ดอลลาร์ ให้กลายเป็น 43 ล้านดอลลาร์ ด้วยเหรียญมีม PEPE ธีมกบสุดฮิต แม้ราคาจะผันผวนหนัก แต่ยังโกยกำไรไปกว่า 10 ล้านดอลลาร์
วงการคริปโตมีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว! นักเทรดสุดเก๋าคนหนึ่งพลิกเงินเพียง 2,000 ดอลลาร์ให้กลายเป็น 43 ล้านดอลลาร์ ด้วยการลงทุนในเหรียญมีมสุดฮอตอย่าง Pepe โทเค็นธีมกบที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะพุ่งแรงขนาดนี้ แม้จะผันผวนหนักและไร้มูลค่าพื้นฐานทางเทคนิค แต่กำไรที่เขาคว้าไปได้ยังทำเอาคนทั้งวงการตาค้างถึง 10.3 ล้านดอลลาร์
จากข้อมูลของ Lookonchain แพลตฟอร์มวิเคราะห์บล็อคเชน เผยว่า “OG” (นักเทรดรุ่นเก่า) รายนี้ใช้เงิน 2,184 ดอลลาร์ ซื้อ PEPE ไป 1.5 ล้านล้านโทเค็นตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม เมื่อราคาพุ่งถึงจุดสูงสุด มูลค่าพุ่งไปแตะ 43 ล้านดอลลาร์ เขาตัดสินใจขาย 1.02 ล้านล้านโทเค็น ได้เงิน 6.66 ล้านดอลลาร์ เหลืออีก 493 พันล้านโทเค็น (มูลค่า 3.64 ล้านดอลลาร์) รวมกำไรสุดทึ่งกว่า 4,718 เท่าจากเงินลงทุนเริ่มต้น เรื่องนี้ถูกโพสต์ลง X เมื่อวันที่ 29 มีนาคม เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย
ถึงแม้ราคา PEPE จะดิ่งลงกว่า 74% จากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 0.00002825 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 (ตามข้อมูล Cointelegraph Markets Pro) แต่นักเทรดรายนี้ก็ยังยิ้มได้ เพราะกำไรที่เก็บเข้ากระเป๋าไปแล้วนั้นมหาศาลเกินฝัน
เหรียญมีมผันผวนแต่เลือกถูก ตรงเวลา......เปลี่ยนชีวิตในชั่วข้ามคืน
เหรียญมีมอย่าง PEPE ถือเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่เก็งกำไรสูงสุด ราคาขึ้นลงตามกระแสโซเชียลและอารมณ์ของนักลงทุนมากกว่ามูลค่าจริงหรือนวัตกรรม แต่ถึงอย่างนั้น มันก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นเศรษฐีได้จริง ย้อนไปเมื่อพฤษภาคม 2567 นักลงทุน PEPE อีกรายเคยปั้นพอร์ตลงทุนเงิน 27 ดอลลาร์ให้กลายเป็น 52 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นผลตอบแทน 1.9 ล้านเท่า เรียกได้ว่าเหรียญมีมคือสนามฝันของนักเสี่ยงโชคตัวจริง
PEPE ขโมยซีน altcoin แบบไม่เกรงใจ
กระแส memecoin ยังคงร้อนแรง แซงหน้าสกุลเงินดิจิทัลที่จริงจังกว่าอย่าง altcoin ไปแบบไม่เห็นฝุ่น โดย Stella Zlatareva บรรณาธิการข่าวจาก Nexo ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่า “โทเค็นผันผวนสูงอย่างมีมคอยน์กำลังขโมยซีน ตัวอย่างเช่น DOGE, PEPE และ FLOKI พุ่งเฉลี่ย 5.6% เพราะความหวังเรื่องดอกเบี้ยลดและตลาดคริปโตที่แข็งแกร่งขึ้น” แต่ความนิยมนี้ก็มีผลข้างเคียง เงินทุนบางส่วนถูกดึงออกจาก altcoin ชื่อดัง เช่น Solana ที่ร่วงไปกว่า 51% นับตั้งแต่โทเค็น Official Trump (TRUMP) เปิดตัวในมกราคม
ขณะที่ Dan Hughes ผู้ก่อตั้ง Radix อธิบายเพิ่มว่า “เหรียญมีมไม่ค่อยดึงเงินจากภายนอกเข้ามา แต่เป็นการหมุนเงินในวงการเหรียญมีมด้วยกันเอง อย่างกรณี TRUMP คนแห่ขายคริปโตอื่นเพื่อซื้อเพราะกลัวตกรถ” นี่คือพฤติกรรม FOMO (Fear of Missing Out) ที่ผลักดันราคาให้พุ่งแบบไม่น่าเชื่อ
ระวังภัยเงียบหลอกลวงและกฎหมายจ่อคุมเข้ม
ท่ามกลางความฮิต memecoin ก็มีด้านมืด การหลอกลวงและฉ้อโกงจากคนในวงการทำพิษไม่น้อย ล่าสุด วันที่ 5 มีนาคม สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ จากนิวยอร์กเสนอกฎหมายใหม่ หวังปกป้องนักลงทุนจากกลโกงแบบที่เกิดกับโทเค็น Libra (LIBRA) ซึ่งเคยได้รับการหนุนจากประธานาธิบดี Javier Milei แห่งอาร์เจนตินา แต่สุดท้ายกลายเป็นเรื่องอื้อฉาว หน่วยงานกำกับดูแลเลยเริ่มจับตาเข้มงวดขึ้น