xs
xsm
sm
md
lg

ไตรมาส 2....หุ้นไร้สัญญาณฟื้น / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตลาดหุ้นปิดฉากไตรมาสแรกปี 2568 ด้วยความผันผวนสุดขีด ดัชนี ฯ ร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง และปิดที่ระดับ 1158.09 จุด ลดลง 242.12 จุด เมื่อเทียบจุดปิดสิ้นปี 2567 ที่ระดับ 1400.21 จุด

3 เดือนแรกปีนี้ ดัชนี ฯ ทรุดลงเฉลี่ยเดือนละ 80.04 จุด และกลายเป็นไตรมาสที่เลวร้ายสุดขีดในรอบนับสิบปี สาเหตุเพราะไม่มีข่าวดีกระตุ้น ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไม่หยุดยั้ง โดยไตรมาสแรกต่างชาติขายหุ้นสุทธิ 39,867 ล้านบาท

นักลงทุนรายย่อยเป็นผู้ซื้อขายเดียว 55,049 ล้านบาท และทั้งหมดแบกรับการขาดทุนอย่างหนัก

ข่าวร้ายพุ่งเข้าใส่ตลาดหุ้นตลอดไตรมาส โดยภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา เป็นปัจจัยลบหลักที่กดดัน ตามมาด้วยการที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และประกาศเปิดสงครามการค้าโดยการขึ้นภาษี

ความกังวลสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ไม่นิ่ง เพราะมีประเด็นที่บั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ล่าสุดที่การเคลื่อนไหวปลุกม็อบต่อต้านการตั้งบ่อนกาสิโนที่รัฐบาลเพิ่งอนุมัติ

และปัจจัยลบล่าสุดที่ถล่มหุ้นจมดินคือ การเกิดแผ่นดินไหวเมื่อศุกร์ที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข่าวร้ายส่งท้ายไตรมาสแรก

ความพยายามผลักดันมาตรการต่าง ๆ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน ไม่ประสบความสำเร็จ หุ้นจึงปักหลักดิ่งลงต่อเนื่อง แม้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์แทบทุกสำนักจะมีความเห็นว่า

ตลาดหุ้นไทยต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็นแล้ว ซึมซับรับข่าวร้ายมากพอแล้ว และดัชนี ฯที่หลุดลงมาต่ำกว่า 1200 จุด นักลงทุนสามารถทยอยเข้าลงทุนได้ โดยเลือกหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี จ่ายเงินปันผลอัตราสูงอย่างสม่ำเสมอ

แต่นักลงทุนที่ทอยเข้ามาช้อนซื้อหุ้น มีเพียงรายย่อยเท่านั้น และขาดทุนทุกราคาที่ซื้อ เพราะหุ้นปรับฐานลงไม่หยุด มีจุดต่ำสุดใหม่เกิดขึ้นต่อเนื่อง

ย่างเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 แล้ว แต่สัญญาณในตลาดหุ้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีแนวโน้มหุ้นจะฟื้นตัวขึ้น และไม่มีมาตรการจากรัฐบาลที่จะปลุกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้

ข่าวดี ๆ ยังขาดแคลนต่อไป แต่มรสุมข่าวร้ายลูกใหม่กำลังถาโถมเข้าใส่ โดยเฉพาะการเปิดสงครามการค้ารอบใหม่ของนายทรัมป์ การประกาศขึ้นกำแพงภาษีสำหรับประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐในวันที่ 2 เมษายนนี้ และประเทศไทยอยู่ในข่ายที่จะถูกเล่นงาน

การขึ้นภาษี จะส่งผลกระทบซ้ำเติมประเทศไทย โดยเฉพาะการส่งออก ซึ่งไม่สดใสเท่าไหร่อยู่แล้ว และจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP ปีนี้ โตต่ำกว่าเป้าที่รัฐบาลต้องการเห็นตัวเลขขยายตัว 3% หรือมากกว่า

ภาวะลงทุนในไตรมาสที่ 2 อาจไม่ผันผวนหรือทรุดตัวรุนแรงเหมือนไตรมาสแรก แต่ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่า หุ้นจะฟื้นคืนสู่ความคึกคัก เพราะข่าวดีๆที่กระตุ้นตลาดขาดแคลน และรัฐบาลแพทองธาร ไม่มีมาตรการเรียกความเชื่อมั่นหรือกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นการลงทุนที่สามารถพลิกฟื้นหุ้นได้

การประกาศขึ้นภาษีสินนำเข้าของสหรัฐในวันที่ 2 เมษายนนี้ ประเทศไทยถูกกระทบแน่ แต่จะหนักเบาขนาดไหน ได้แต่เฝ้ารอดูกันเท่านั้น ในฐานะปัจจัยลบที่จะกดดันตลาดหุ้นไปตลอดไตรมาสที่ 2

แม้ไตรมาสแรก ดัชนี ฯ จะถอยหลังมาปักหลักที่ระดับ 1158 จุด ทรุดลงมาแล้ว 242 จุด จากจุดปิดสิ้นปี 2567 แต่เชื่อกันว่า ตลาดหุ้นยังไม่สิ้นสุดขาลง

เพียงแต่ไม่อาจคาดหมายได้ว่า จุดต่ำสุดของดัชนี ฯ ไตรมาสที่ 2 จะหยุดลงที่ตัวเลขเท่าไหร่ หลุด 1100 จุดหรือไม่เท่านั้น








กำลังโหลดความคิดเห็น