ตลาดหลักทรัพย์ฯ จี้ "ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น " แจงข้อมูลในงบการเงิน ก่อน 3 เม.ย.68 นี้ หลังพบตัวเลขขาดทุน 715 ล้านบาท และผู้สอบบัญชีไม่ให้ความเห็นต่องบการเงิน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขอให้ บมจ.ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น (TSR) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2567 โดยผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงิน เนื่องจากมีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญของการดำเนินงานต่อเนื่อง กรณีปี 2567 ขาดทุน 715 ล้านบาท มีขาดทุนสะสม 945 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากการบันทึกด้อยค่าลูกหนี้และค่าความนิยมทั้งจำนวนในธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ลงทุนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2566 รวมทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) ยกเลิกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและขอให้ชำระหนี้คืนซึ่งมีเงินต้น 873 ล้านบาท กรณีข้างต้นอาจกระทบต่อฐานะการเงิน ผลการดำเนินงาน และการประกอบธุรกิจของบริษัทในอนาคต
โดยขอให้บริษัทชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่ 3 เมษายน 2568 ในส่วนความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบขอให้ชี้แจงภายในวันที่ 10 เมษายน 2568 นอกจากนี้ขอให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลงบการเงินและติดตามคำชี้แจงของบริษัท
โดย TSR ขาดทุน 715 ล้านบาท เกือบทั้งหมดเกิดจากการบันทึกด้อยค่าลูกหนี้ 4 กลุ่มธุรกิจ และผลขาดทุนจากด้อยค่าความนิยมทั้งจำนวนในธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ รวม 641 ล้านบาท สรุปดังนี้
ผลขาดทุนจากการด้อยค่าลูกหนี้ 4 กลุ่มธุรกิจ โดยส่วนหนึ่งคือลูกหนี้ Factoring ที่เป็นอดีตบริษัทในเครือของกลุ่ม SABUY(ขายตรงและตัวแทนจำหน่าย 324 ลบ. / ดิจิทัลออนไลน์และขายทางโทรศัพท์ 132 ลบ. / ค้าปลีกและตัวแทนร้านค้า 20 ลบ. / ธุรกิจองค์กร 16 ลบ.) 492 ลบ.
ผลขาดทุนจากด้อยค่าค่าความนิยมทั้งจำนวนในธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เนื่องจากบริษัทย่อย (บจก. เวนดิ้ง คอนเน็กซ์ เทค) มีการชะลอการประกอบธุรกิจดังกล่าว 149 ลบ.
ทั้งนี้ เดือนมกราคม 2568 ผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) ยกเลิกการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและขอให้ชำระหนี้คืนภายใน 30 วัน (เงินต้น 873 ล้านบาท) ต่อมาเดือนกุมภาพันธ์ 2568 บริษัทมีหนังสือตอบกลับว่าอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางดำเนินการ ทั้งนี้ ระหว่างปี 2567 มีการเจรจาโอนทรัพย์สินเพื่อชำระหนี้โดยส่งมอบตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติให้กับ SABUY ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป
ปัจจุบัน TSR ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการเงินได้ ซึ่งสถาบันการเงินมีสิทธิเรียกชำระหนี้คืนได้ มูลหนี้ 418 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างเจรจาผ่อนผันเงื่อนไขสัญญา และมีผิดนัดชำระหนี้บุคคลและกิจการอื่นอีก 18 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ของกลุ่มบริษัท (934 ล้านบาท) ส่วนหนึ่งถูกใช้เป็นหลักประกันการกู้ยืมเงินกับผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) ทำให้บริษัทมีสินทรัพย์ปลอดภาระผูกพันลดลงซึ่งอาจมีผลต่อความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอให้ TSR ชี้แจงข้อมูลดังนี้คือ
1.ปัจจัยที่ใช้พิจารณาเพื่อบ่งชี้การด้อยค่าค่าความนิยมทั้งจำนวนของธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในระยะเวลาอันสั้น และปัจจัยที่ใช้ประกอบการพิจารณาลงทุนและความแตกต่างของผลประกอบการภายหลังเข้าลงทุนพร้อมเหตุผล
2.ที่มาและสาเหตุของการพิจารณาตั้งด้อยค่าลูกหนี้ 4 ธุรกิจ ผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจดังกล่าว สรุปรายละเอียดของลูกหนี้ที่ด้อยค่าโดยสังเขป รวมถึงความสัมพันธ์กับบริษัททั้งในอดีตและปัจจุบัน ความครบถ้วนการตั้งด้อยค่าลูกหนี้ แนวทางดำเนินการเพื่อให้ได้รับชำระหนี้
3.สรุปการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัท ณ ปัจจุบัน และธุรกรรมที่ยังคงมีกับผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) โดยขอให้อธิบายประเด็นที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (ถ้ามี) รวมถึงผลกระทบเกี่ยวกับการพิจารณาตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนหรือด้อยค่าเพิ่มเติม
4.ความคืบหน้าของการเจรจา แนวทางแก้ไขปัญหา และมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้กับผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY) สถาบันการเงิน และเจ้าหนี้ต่างๆ รวมทั้งการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว
5.ความเห็นของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับ
(1) ความเหมาะสมและเพียงพอของการตั้งด้อยค่า รวมทั้งความเหมาะสมของแนวทางการติดตามลูกหนี้
(2) นโยบายการประกอบธุรกิจในอนาคตของบริษัทภายหลังจากการเปลี่ยนกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ รวมทั้งการทำธุรกิจร่วมกับผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม (SABUY)