การออก พ.ร.ก. เพื่อเพิ่มอำนาจสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการสอบสวน คดีความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากคนในแวดวงตลาดหุ้น แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI กลับแสดงท่าทีต่อต้านอย่างแข็งกร้าว
เหตุผลสำคัญที่ DSI หยิบยกขึ้นมาคัดค้านการออก พ.ร.ก เพิ่มอำนาจสอบสวนของ ก.ล.ต. การถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ทำให้การดำเนินคดีไม่มีความโปร่งใส อาจมีการช่วยเหลือพวกพ้อง การทำลายฝ่ายตรงข้าม จนก.ล.ต.ขาดความน่าเชื่อถือ
นอกจากนั้น ก.ล.ต.ไม่มีบุคคลกรที่เชี่ยวชาญในการสอบสวน
กระแสการคัดค้านของ DSI ถูกโหมกระพือขยายผลจากกลุ่มนักปั่นหุ้น จนดูเหมือนว่า การออก พ.ร.ก เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต.ในการสอบสวน เป็นเรื่องที่เลวร้าย และไม่เป็นผลดีต่อการปราบปรามกลุ่มอาชญากร แก๊งมิจฉาชีพ หรือโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่ปล้นประชาชนผู้ลงทุนมายาวนานเกือบ 50 ปี
และปัจจุบันยังฝังตัวอยู่ในตลาดหุ้น รอจังหวะเวลาที่จะเปิดปฏิบัติการ ปล้นนักลงทุนต่อไป
สิ่งที่จะต้องถามกลับคือ ถ้าไม่ออก พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจสอบสวนคดีหุ้น และสามารถส่งให้อัยการฟ้องได้โดยตรง DSI ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย มีอำนาจในการสอบสวน ผ่านการอบรมและมีประสบการณ์การสอบสวนโดยตรง สามารถกวาดล้างอาชญากรในตลาดหุ้นให้สิ้นซากได้หรือไม่
และ DSI ได้ดำเนินคดีหุ้นที่ ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างโปร่งใสตรงไปตรงมาหรือไม่ ไม่มีวิ่งเต้นล้มคดีหรือไม่ และคดีต่าง ๆ ที่เป็นคดีพิเศษ ไม่มีการแทรกแซงหรือใบสั่งจากฝ่ายการเมืองด้วยหรือไม่
DSI ควรทบทวนย้อนดูบทบาทตัวเองว่า ภาพพจน์ต่อสาธารณชนเป็นอย่างไร มีแต่คำสรรเสริญหรือเต็มไปด้วยข้อสงสัยในการทำงาน
DSI เคยเปรียบเทียบหรือไม่ ระหว่าง DSI กับ ก.ล.ต. องค์กรไหนสังคมให้การยอมรับมากกว่ากัน
ก.ล.ต.ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2535 แน่นอนว่า อาจมีข่าวผู้บริหารบางคนวิ่งเต้นผู้มีอำนาจทางการเมือง ขอเข้าไปนั่งเป็นเลขาธิการ ก.ล.ต. แต่ไม่เคยมีข่าวว่า ก.ล.ต.เคยรับเงินหรือเรียกรับเงิน เพื่อแลกกับการล้มคดีปั่นหุ้น หรือคดียักยอกทรัพย์ ไซฟ่อน ผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน
เบื้องหลังการเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต.ในการสอบสวนคดีหุ้นที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง เช่นคดีการแต่งบัญชีงบการเงิน บริษัท สตาร์คคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ต้นเหตุส่วนหนึ่ง อาจเกิดจาก DSI
เพราะคดีความผิดหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น เมื่อพบเบาะแสการกระทำผิด จึงส่งต่อให้ ก.ล.ต.ตรวจสอบในเชิงลึก และรวบรวมหลักฐานอยู่หลายปี จนมีน้ำหนักการดำเนินคดีได้
แต่เมื่อร้องทุกข์กล่าวโทษไปที่ DSI คดีแทบทั้งหมดมักเงียบหาย ยกเว้นคดีใหญ่ที่ประชาชนจำนวนให้ความสนใจ ซึ่งไม่รู้คดีถูกนำไปซุกไว้ที่ไหน และ DSI ไม่เคยแถลงรายละเอียดความคืบหน้าใด ๆ แม้แต่การใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องก็ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะชัน
ในยุคอธิบดี DSI บางคน ได้ฆ่าตัดตอนคดีหุ้นภายในวันเดียวถึง 11 คดี โดยใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้อง และหัวโจกแก๊งปั่นหุ้นที่หลุดรอดลอยนวล ก็ไม่ได้หยุด ละเลิกพฤติกรรมปั่นหุ้นหรือไซฟ่อน ผ่องถ่ายเงินจากบริษัทจดทะเบียนแต่อย่างใด
คดีปั่นหุ้น คดีแต่งบัญชีงบการเงิน คดีสร้างหนี้เทียม ยักยอกทรัพย์ ผ่องถ่ายไซ่ฟ่อนเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน ทุกคดีล้วนสร้างความเสียหายร้ายแรง เพราะแต่ละคดี มีนักลงทุนรายย่อยหรือผู้ถือหุ้นรายย่อยในบริษัทจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 1 พันราย
หรือบางบริษัทจดทะเบียนมีนักลงทุรายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากแก๊งอาชญากรหุ้นจำนวนหลายหมื่นราย
ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ ฯ ได้ทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนผู้ลงทุนอย่างเต็มที่แล้ว ลุยตรวจคน ตรวจสอบ รวบรวมพยานหลักฐานจนสมบูรณ์ และกล่าวโทษร้องทุกข์ไปตามขั้นตอน
แต่คดีส่วนใหญ่ถูกตัดตอนที่ DSI ไม่ได้ถูกส่งเข้าสู่พิจารณาในชั้นศาล และถ้า ก.ล.ต.ไม่เลื่อนไหว ขออำนาจพิเศษ เพื่อสอบสวนและทำให้คดีมีความรวดเร็ว การดำดินคดีมีประสิทธิผล สามารถส่งให้อัยการยื่นฟ้องได้โดยตรง
แก๊งอาชญากรในตลาดหุ้นคงไม่มีวันถูกกำจัดให้สิ้นซาก และปฏิบัติการปล้นประชาชนอย่างลำพองใจต่อไป
ถ้า ก.ล.ต.มีสภาพเหมือนหน่วยงานรัฐทั่ว ๆ ไป ทำงานเช้าชามเย็นชาม ไม่สำนึกในภาระหน้าที่ ไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน หรือบางหน่วยงานซ้ำร้าย ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์ สังคมไทยคงสิ้นหวัง
พ.ร.ก.เพิ่มอำนาจสอบสวนให้ ก.ล.ต. ไม่มีความจำเป็นใดต้องออกเลย ถ้า DSI สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้ว่า
คดีหุ้นที่ ก.ล.ต.ร้องทุกกล่าวโทษ DSI ได้ทำคดีอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา และแจ้งความคืบหน้าการดำเนินคดีเป็นระยะ เพื่อให้สาธารณชนรับทราบและตรวจสอบได้
แต่เกือบทุกคดีหุ้นที่ ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษ DSI รับไปแล้วหายสาบสูญ
และคดีนับร้อยคดี มีกลุ่มคนที่เข้าข่ายเป็นอาชญกรหุ้นจำนวนหลายร้อยคน DSI เคยสั่งฟ้องสักกี่คดี มีอาชญากรหุ้นต้องติดคุก ชดใช้กรรมที่ก่อไว้กับนักลงทุนสักกี่คน ออกมาแถลงให้สาธารณชนรับทราบหน่อยได้ไหม
การร้องโวยวายต่อต้านการเพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. กำลังทำให้ DSI ตกเป็นจำเลยของสังคม ถูกจับจ้องว่าหวงอำนาจและต้องการผูกขาดอำนาจ ไม่ว่าจะมีผลประโยชน์ใดแอบแฝงหรือไม่ก็ตาม