xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นเงียบสงัด...นักลงทุนถอดใจ / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ภาวะตลาดหุ้นวันจันทร์ที่ 24 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา แม้ดัชนี ฯ จะดีดตัวขึ้น 3.45 จุด ขยับปิดที่ระดับ 1190.06 จุด แต่มูลค่าการซื้อขายกลับเงียบเหงาซบเซาสุดขีด โดยมีจำนวนเพียง 23,385.45 ล้านบาทเท่านั้น

นักลงทุนทุกกลุ่ม รวมทั้งนักลงทุนต่างชาติ พากันชะลอการลงทุน เพราะขาดปัจจัยกระตุ้น และอาจรอดูนโยบายการขึ้นภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐในวันที่ 2 เมษายนนี้

รวมรอดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งจะลงมติโหว 26 มีนาคม

ดัชนีหุ้น ร่วงต่ำกว่า 1200 จุดมาหลายสัปดาห์แล้ว และเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ มาตลอด ไม่สามารถตีฝ่าแนวต้านระดับ 1200 จุดไปได้ เพราะขาดแคลนข่าวดีชี้นำ

นักลงทุนต่างชาติ ยังทยอยขายหุ้นออก เพราะกังวลในภาวะเศรษฐกิจไทยที่ตกต่ำ ไม่มีสัญญาณฟื้น ไม่มั่นใจกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ขณะที่นักลงทุนในประเทศหมดกำลังซื้อ

บทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 จะเติบโตต่ำ นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาน้อยกว่าความคาดหมาย และได้รับแรงกดดันจากนโยบายประธานาธิบดีทรัมป์ โดยผลผลิตมวลรวมภายในประเทศหรือ GDP จะโตเพียง 2.3% ซึ่งถือเป็นตัวเลขการคาดหมายแนวโน้มการเติบโตของ GDP ตัวเลขต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับสำนักวิจัยอื่นๆ

ถ้า GDP ปีนี้ เติบโตเพียง 2.3% จะเป็นภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะในปี 2567 GDP เติบโต 2.5% และโบรกเกอร์อาจต้องปรับประมาณการเป้าหมายการเติบโตของผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และปรับประมาณการเป้าหมายดัชนีช่วงปลายปีลงอีก

ก่อนหน้าโบรกเกอร์หลายสำนักประเม้นว่า ดัชนี ฯ ปลายปี จะพุ่งขึ้นไประดับ 1530 จุด และมีบางโบรกเกอร์มองโลกสวย คาดหมายว่าดัชนี ฯ จึงทะยานไปถึง 1600 จุด

แต่เกือบทุกโบรกเกอร์ทบทวนมุมมองตลาดหุ้นปีนี้ใหม่ เพราะมีปัจจัยหลายด้านเข้ากระทบ จึงลดประมาณการเป้าหมายดัชนี ฯ ปลายปีเหลือประมาณ 1380 จุดเท่านั้น

แทบไม่เหลือโบรกเกอร์ที่มองโลกสวย และไม่มีใครพูดถึงดัชนี ฯ ปลายปีนี้ที่ระดับ 1500 จุดหรือ 1600 จุดอีกแล้ว

ราคาหุ้นที่ทรุดตัวลง สร้างผลกระทบต่อนักลงทุนถ้วนหน้า โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยในประเทศ ซึ่งซื้อหุ้นเก็บสะสมมาตลอด แต่มูลค่าการซื้อขายที่หดจู๋เหลือเพียง 2.3 หมื่นล้านบาท จะส่งผลกระทบโดยตรงกับโบรกเกอร์จำนวนทั้งหมด 36 บริษัท

รายได้หลักของบริษัทโบรกเกอร์ เกิดจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น และค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาการเงิน นำหุ้นเข้าจดทะเบียน และค่าธรรมเนียมการเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น

แต่ตลาดหุ้นที่ซบเซา ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้นหดตัวลงมาระดับ2หมื่นล้านบาท และบริษัทจดทะเบียนใหม่ก็ชะลอนำหุ้นเข้าซื้อขาย ทำให้รายได้โบรกเกอร์ทุกแห่งลดลง จนหลายโบรกเกอร์ ต้องทยอยปลดพนักงาน และเริ่มมีข่าวว่า หลายโบรกเกอร์กำลังประสบปัญหาการดำเนินงาน แบกภาระขาดทุนไม่ไหว และวิ่งเต้นขายกิจการอยู่

มูลค่าการซื้อขายหุ้นระดับ2 หมื่นล้านบาท เป็นภาพสะท้อนตลาดหุ้นที่ตกอยู่ในความวังเวง

และสะท้อนว่า นักลงทุนถอดใจกันหมดแล้ว ได้แต่เฝ้าดูและเฝ้ารอคอยปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามากระตุ้นตลาดให้กลับสู่ความคึกคัก

แม้ราคาหุ้นจะตกลงมาต่ำมาก แต่เข้าข้อนซื้อทีไร เจ็บตัวทุกที นักลงทุนส่วนใหญ่จึงนั่ง " ทับมือ ไว้" ไม่ซื้อไม่ขายหุ้น จุดชนวนการบาดเจ็บล้มตายในวงการโบรกเกอร์








กำลังโหลดความคิดเห็น