เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลตลาดหุ้นเข้าหารือสถานการณ์ลงทุนที่ตกต่ำ และมอบนโยบายเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักลงทุน
นโยบายที่ น.ส.แพทองธาร มอบให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอหลักๆ คือ
คดีที่มีผลกระทบต่อผู้คนเป็นจำนวนมากและกระทบทางเศรษฐกิจ เร่งรัดติดตามให้คดีมีความคืบหน้าโดยเร็ว
การแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันการกระทำผิดในตลาดหุ้น โดยปรับปรุงกฎเกณฑ์ ยกระดับไม่ให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นซ้ำอีก เช่น ปรับปรุงกฎเกณฑ์การซื้อขายหุ้น
การจัดการปัญหาปริมาณการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Floot ) ลงโทษบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่ทำผิดหลักเกณฑ์ โดยการให้ออกจากตลาด
และการใช้กฎหมายครบทุกมิติ เพื่อฟื้นความมั่นใจอย่างเร่งด่วนและเป็นธรรม
นโยบายที่นายกฯ กำชับให้หน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดหุ้นนำไปปฏิบัติ เป้าหมายสำคัญคือ การเร่งรัดคดีความผิดในตลาดหุ้นให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว การแก้กฎหมายเพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำซาก การสร้างความเป็นธรรมในการซื้อขาย และการใช้บทลงโทษเด็ดขาด สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่กระทำ (โดยตะเพิดพ้นตลาดหุ้น)
ทุกประเด็นปัญหาที่ น.ส.แพทองธาร นำเสนอ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นนักลงทุน เป็นแนวทางที่ดีสำหรับการแก้ปัญหาหมักหมมในตลาดหุ้น โดยเฉพาะคดีความผิดร้ายแรง ซึ่งสร้างความเสียหายให้ประชาชนผู้ลงทุนในวงกว้าง ซึ่งเกิดขึ้นซ้ำซากตลอด 50 ปีของการก่อตั้งตลาดหุ้น และยังไม่หน่วยงานใดป้องกันหรือปราบปรามให้สิ้นซากได้
ความผิดร้ายแรงในตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นซ้ำซากคือ คดีปั่นหุ้น คดียักยอกทรัพย์ โดยการไซฟ่อนผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัทจดทะเบียน ปล้นผู้ถือหุ้นรายย่อย ในรูปแบบการนำเงินไปลงทุนหรือซื้อทรัพย์สิน และจงใจทำให้เงินลงทุนเกิดความเสียหาย โดยไม่มีผู้บริหารจดทะเบียนรายใดต้องรับผิดชอบ
ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนนับร้อยคนปล้นเงินนักลงทุนเป็นอาชีพ จนเป็นเจ้าของอาณาจักรใหญ่โต โดยไม่ต้องรับโทษแม้แต่คดีเดียว และไม่ต้องชดใช้กรรมที่ก่อไว้กับนักลงทุนจำนวนนับแสนคน
บริษัทจดทะเบียนนับร้อยแห่งที่กลายเป็นกิจการเน่าๆ หุ้นตายซากคากระดาน เพราะผู้บริหารบริษัทผ่องถ่ายทรัพย์สินออกไปหมด
รูปแบบการผ่องถ่ายเงินที่เกิดขึ้นซ้ำซากล่าสุดคือ การซื้อทรัพย์สิน และวางค่ามัดจำด้วยเงินจำนวนมาก และประกาศยกเลิกการซื้อทรัพย์สินภายหลัง แต่ไม่ได้รับค่ามัดจำคืน
ปัญหาที่ทำให้โจรในเสื้อสูท หรือโจรในคราบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งมิจฉาชีพหรืออาชญากรในตลาดหุ้น ไม่เกรงกลัวความผิด เป็นเพราะการบังคับใช้กฎหมายไร้ความเข้มงวด เด็ดขาด การดำเนินคดีมีความล่าช้า และอาจไม่ตรงไปตรงมา และมีการวิ่งเต้น "เป่า" หรือ "ล้ม" คดี
อาชญากรตัวร้ายๆ ในตลาดหุ้นนับสิบนับร้อย ซึ่งสร้างความเสียหายย่อยยับให้นักลงทุนจำนวนนับแสนนับล้านคน หลุดรอดลอยนวล ไม่ต้องรับโทษทัณฑ์ใดๆ
น.ส.แพทองธาร มอบนโยบายไปแล้ว คดีที่มีผลกระทบต่อผู้คนจำนวนมากและกระทบทางเศรษฐกิจ ต้องเร่งรัดติดตามให้มีความคืบหน้าโดยเร็ว
ปัญหาการดำเนินคดีความผิดร้ายแรงในตลาดหุ้น ที่ผ่านมามีความอืดอาดล่าช้า บางคดี ก.ล.ต.ใช้เวลารวบรวมข้อมูล พยานหลักฐานประมาณ 10 ปี จึงร้องทุกข์กล่าวโทษได้
แต่ ก.ล.ต.ได้ปรับระบบการทำงานใหม่ ทำให้การร้องทุกข์กล่าวโทษคดีวามผิดร้ายแรงมีความรวดเร็วขึ้น โดยคดีปั่นหุ้นล่าสุดใช้เวลาไม่ถึง 1 ปี สามารถร้องทุกข์กล่าวโทษนักปั่นหุ้นได้แล้ว
ปัญหาใหญ่อีกประเด็นคือ การทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เพราะตั้งแต่ก.ล.ต.ร้องทุกข์กล่าวโทษ ทุกคดีจะเงียบหายสายสูญ ไม่รู้ว่าคดีถูกฆ่าตัดตอน ถูกเป่าทิ้ง หรือคดีมีความคืบหน้าอยู่ในขั้นตอนไหน
สาธารณชนไม่มีโอกาสล่วงรู้การดำเนินคดีของ DSI แม้แต่คดีเดียว เว้นแต่คดีหุ้นที่สร้างความเสียหายในวงกว้าง และเป็นคดีใหญ่ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน เช่นคดีแต่งบัญชีงบการเงิน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK
นายกฯ แพทองธาร น่าจะมอบนโยบายให้ DSI เป็นกรณีพิเศษ เมื่อรับแจ้งข้อหาการกล่าวโทษคดีความผิดในตลาดหุ้นจาก ก.ล.ต.แล้ว จะต้องแถลงขั้นตอนการดำเนินคดีทันที และแถลงความคืบหน้าทุก 6 เดือน แจกแจงว่า ได้เรียกผู้ถูกกล่าวหามารับแจ้งข้อหา เรียกมาสอบสวนหรือยัง คดีสั่งฟ้องหรือไม่ เพื่อให้สาธารณชนที่สนใจคดีได้ติดตามความคืบหน้าการเอาโทษกับเหล่าอาชญากรในตลาดหุ้น
และสามารถตรวจสอบการทำงานของ DSI ได้
คดีความผิดร้ายแรงในตลาดหุ้น ไม่ว่าคดีปั่นหุ้น หรือคดีไซฟ่อนผ่องถ่ายเงินของบริษัทจดทะเบียน ปล้นผู้ถือหุ้นรายย่อย DSI อยู่ในที่มืดมาตลอด ไม่มีใครรู้ว่า DSI ทำอะไรหรือไม่ทำอะไร พิจารณาคดีอย่างโปร่งใสหรือมีการวิ่งเต้นล้มคดีหรือไม่
นายกฯ แพทองธาร ถ้ามีความตั้งใจจริงที่จะแก้ปัญหาคดีในตลาดหุ้น ต้องเดินให้สุดซอย ต้องสั่งให้ DSI ออกจากมุมมืดในคดีปั่นหุ้นหรือคดีความผิดร้ายแรงอื่นๆ
เมื่อรับการร้องทุกข์กล่าวโทษจาก ก.ล.ต.แล้ว อย่าเก็บคดีไปดอง ต้องแถลงความคืบหน้าเป็นระยะ เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบการทำงานของ DSI บ้างเถอะ