นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย มองกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ระดับ 33.50-34.25 บาท/ดอลลาร์ และกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้า คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.75-34.00 บาท/ดอลลาร์ จากระดับเปิดเช้านี้ (24 มี.ค.) ที่ 33.89 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลง เล็กน้อยแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 33.87 บาทต่อดอลลาร์ โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.83-33.96 บาทต่อดอลลาร์) โดยในช่วงแรก เงินบาทเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ที่ได้แรงหนุนจากแรงขายทำกำไรสถานะ Long บรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR)
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด ซึ่งยังคงสนับสนุนแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปของเฟด ท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังดูสดใส อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ พร้อมกันนั้น ความกังวลต่อนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ยังคงช่วยหนุนเงินดอลลาร์เพิ่มเติม อย่างไรก็ดี การอ่อนค่าของเงินบาทถูกชะลอลงบ้าง หลังราคาทองคำ (XAUUSD) รีบาวนด์ขึ้นบ้าง ตามความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสถานการณ์ตะวันออกกลางและสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่กลับมาร้อนแรงขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทพลิกอ่อนค่าลงตามการรีบาวนด์ขึ้นของเงินดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ อีกทั้งราคาทองคำเผชิญแรงขายต่อเนื่องในช่วงท้ายสัปดาห์
สำหรับในสัปดาห์นี้ เรามองว่าควรจับตารายงานดัชนี PMI จากฝั่งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น พร้อมรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐฯ และควรระวังความเสี่ยงการเมืองของไทย จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เงินบาทเสี่ยงอ่อนค่าลงบ้างในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยต้องจับตาทิศทางเงินดอลลาร์ รวมถึงราคาทองคำที่อาจอยู่ในช่วงพักฐาน (อาจกดดันเงินบาท) ขณะที่ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูง ซึ่งต้องจับตาสถานการณ์การเมืองของไทยหลังการอภิปรายไม่ไว้ว่างใจนายกฯ ที่จะถึงนี้
ในส่วนเงินดอลลาร์นั้น เรามองว่าเงินดอลลาร์อาจพอได้แรงหนุนบ้างจากความกังวลแนวโน้มนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และแรงขายทำกำไรบรรดาสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะเงินยูโร (EUR) ที่แข็งค่าพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา ทว่าเงินดอลลาร์อาจเผชิญแรงกดดันได้ หากผู้เล่นในตลาดยังคงกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ