ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) กางแผนธุรกิจปี 68 มุ่งขยายตลาดส่งออกไปสหรัฐฯ และยุโรป เล็งเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจดันยอดขายเติบโต ฟากผู้บริหาร “จวง จื้อ เหยา” ระบุตั้งเป้ารายได้ปี 68 เพิ่มขึ้น 5-10% รับดีมานด์ฟื้นตัว เตรียมติดตั้ง Biomass boiler ลดก๊าซเรือนกระจก-ติดโซลาร์รูฟ ลดค่าไฟฟ้า สอดรับกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน
นายจวง จื้อ เหยา Vice President บริษัท ฮั้วฟงรับเบอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (HFT) ผู้นำในการผลิตและจำหน่ายยางนอกและยางในสำหรับรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ และรถขนส่งขนาดเล็ก เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2568 บริษัทมุ่งเน้นการขยายตลาดส่งออกไปสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยจัดเตรียมแผนการตลาดที่เข้มข้นและพิจารณาเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจในภูมิภาคดังกล่าว เพื่อขยายเครือข่ายลูกค้าและเพิ่มยอดขาย
นอกจากนี้ บริษัทยังเล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืนและการลดก๊าซเรือนกระจก จึงเตรียมที่จะดำเนินการติดตั้ง Biomass boiler ในโรงงานที่ 2 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในต้นปี 2569 ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 6,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนความคืบหน้าการติดตั้งโซลาร์รูฟ ขณะนี้ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้ง 2 โรงงาน เริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ภายในโรงงานได้แล้ว ซึ่งจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าไปประมาณ 15-20% ทั้งนี้บริษัทได้รับใบรับรองพลังงานหมุนเวียน (I-REC) เพื่อให้เป็นองค์กรที่ใช้พลังงานสะอาด 100% และเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (กลุ่ม RE100) เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานทางเลือกที่ยั่งยืน
“บริษัทคาดว่ารายได้ปี 2568 จะเติบโต 5-10% จากยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นตามดีมานด์ของลูกค้าที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ประกอบด้วย ยางนอกและยางในสำหรับรถจักรยาน รถจักรยานยนต์ และรถขนส่งขนาดเล็ก เช่น รถเข็น รถยก รถแทรกเตอร์ รถตุ๊กตุ๊ก และรถกอล์ฟ” นายจวง จื้อ เหยา กล่าว
อนึ่ง ผลการดำเนินงานงวดปี 2567 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2567) บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 3,024.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.16% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,649.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 373.33 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49.41% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 249.87 ล้านบาท